บริการศึกษาต่อประเทศจีนกับ Friendship International Education ราคาเทียบเท่าสมัครกับมหาวิทยาลัยโดยตรง 

Free ค่าดำเนินการบริหารจัดการ / รับส่วนลดทันที 5,000 บาท ( เลือกข้อความใดข้อความหนึ่ง )
 

ไปศึกษาต่อประเทศจีนกับสถาบัน FRIENDSHIP เรามีบริการอะไรให้บ้าง >> click<<

 

บริการศึกษาต่อประเทศจีนกับ Friendship International Education ราคาเทียบเท่าสมัครกับมหาวิทยาลัยโดยตรง 

Free ค่าดำเนินการบริหารจัดการ / รับส่วนลดทันที 5,000 บาท ( เลือกข้อความใดข้อความหนึ่ง )

ไปศึกษาต่อประเทศจีนกับสถาบัน FRIENDSHIP เรามีบริการอะไรให้บ้าง >> click<<
 

บริการศึกษาต่อประเทศจีนกับ Friendship International Education ราคาเทียบเท่าสมัครกับมหาวิทยาลัยโดยตรง 

Free ค่าดำเนินการบริหารจัดการ / รับส่วนลดทันที 5,000 บาท ( เลือกข้อความใดข้อความหนึ่ง )

 

ไปศึกษาต่อประเทศจีนกับสถาบัน FRIENDSHIP เรามีบริการอะไรให้บ้าง >> click<<
 

เลือกหลักสูตร Course 课程
  • รายละเอียดของหลักสูตร

     

     เมืองและมหาวิทยาลัยที่เปิดสอน

    รายละเอียดของหลักสูตร

     เมืองและมหาวิทยาลัยที่เปิดสอน

    รายละเอียดของหลักสูตร

     เมืองและมหาวิทยาลัยที่เปิดสอน

    Nanning (หนานหนิง) Nanning (หนานหนิง) Nanning (หนานหนิง)

    เมืองหนานหนิงเป็นเมืองเอกของเขตปกครองตนเองชนชาติจ้วงกวางสีทางภาคใต้ของ จีน ผู้คนทั้งหลายมักจะพรรณนาถึงเอกลักษณ์โดดเด่นของเมืองหนานหนิงว่า ครึ่งค่อนเมืองหนานหนิงเป็นผืนป่าอันเขียวขจี ส่วนอีกครึ่งค่อนเมืองเป็นอาคารและบ้านเรือนซึ่งตั้งอยู่ปะปนกันอย่างร่ม รื่น นอกจากนี้ มีชนชาติต่างๆหลายชนชาติอาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้มาตั้งแต่บรรพบุรุษ เช่น ชนชาติจ้วง ชนชาติฮั่น ชนชาติม้ง ชนชาติเหยียวและชนชาติต้งเป็นต้น ชุมชนแห่งนี้จึงมีวิถีชีวิตที่มีสีสันอันหลากหลายของชนชาติต่างๆ ให้ผู้ไปเยือนได้เห็นเป็นขวัญตา เมืองหนานหนิงตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีสภาพ ภูมิศาสตร์เป็นเขตคราสต์ ด้วยเหตุนี้ ถ้ำหินปูนจึงเป็นทัศนียภาพธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์อันโดดเด่นของเมืองหนาน หนิง ถ้ำหินปูนเป็นประดิษฐกรรมธรรมชาติที่ค่อยๆก่อรูปขึ้นเนื่องจากถูกน้ำบาดาล กัดเซาะมาเป็นเวลายาวนาน ผลการสำรวจพิสูจน์ให้เห็นว่า กว่าถ้ำหินปูนจะก่อรูปขึ้นให้เห็นชัดเจนนั้นต้องผ่านระยะเวลายาวนานถึงหมื่น ล้านปีเลยทีเดียว

    สถานที่สำคัญในเมืองหนานจิง

    1. กุ้ยหลิน ถือเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเป็นสถานที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศจีน ได้รับการกล่าวขวัญว่า ภูเขาและลำน้ำแห่งเมืองกุ้ยหลินเป็นหนึ่งในโลก แม่น้ำในกุ้ยหลินมีความงามเหมือนผ้าแพรยาวสีเขียว และ ภูเขามีความเสมือนปิ่นปักผมหยก ดังนั้น เมืองกุ้ยหลินจึงมีทัศนียภาพทั่วไปคือมีเขาเขียวน้ำใสงดงาม ตระการตา และยังมีเจดีย์เงิน เจดีย์ทอง
    2. สวยสนุกเมอรี่แลนด์ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและเขตทิวทัศน์ที่สวยงามภายในมีสวนสนุกระดับนานาชาติ
    3. เขตทัศนียภาพเขาชิงซิ่ว สวนป่าเหลียงเฟิ่งเจียง เขตท่องเที่ยวเขาต้าหมิง สถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ทำให้นักท่อองเที่ยวรู้สึกเสมือนหลับเข้าไปในท้อง ทะเลสีเขียวเพราะธรรมชาติที่สมบูรณ์และงดงาม นอกจากนี้เมืองหนานหนิงยังมี สวนสาธารณะอีก 15 แห่งและสวนไม้ดอกขนาดย่อมประมาณร้อยแห่ง
    4. สวนไทย เพื่อเป็นการรำลึกถึงความสัมพันธ์และมิตรภาพระหว่างเมืองหนานหนิงกับประเทศ ไทย สถาปนิกชาวไทยจึงได้สร้างสวนนี้ขึ้นบริเวณไหล่เขาชิงซิ่ว ซึ่งประกอบด้วยวิหาร เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ หอระฆัง และ ระเบียงที่มีสถาปัตยกรรมแบบไทย

    เมืองหนานหนิงเป็นเมืองเอกของเขตปกครองตนเองชนชาติจ้วงกวางสีทางภาคใต้ของ จีน ผู้คนทั้งหลายมักจะพรรณนาถึงเอกลักษณ์โดดเด่นของเมืองหนานหนิงว่า ครึ่งค่อนเมืองหนานหนิงเป็นผืนป่าอันเขียวขจี ส่วนอีกครึ่งค่อนเมืองเป็นอาคารและบ้านเรือนซึ่งตั้งอยู่ปะปนกันอย่างร่ม รื่น นอกจากนี้ มีชนชาติต่างๆหลายชนชาติอาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้มาตั้งแต่บรรพบุรุษ เช่น ชนชาติจ้วง ชนชาติฮั่น ชนชาติม้ง ชนชาติเหยียวและชนชาติต้งเป็นต้น ชุมชนแห่งนี้จึงมีวิถีชีวิตที่มีสีสันอันหลากหลายของชนชาติต่างๆ ให้ผู้ไปเยือนได้เห็นเป็นขวัญตา เมืองหนานหนิงตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีสภาพ ภูมิศาสตร์เป็นเขตคราสต์ ด้วยเหตุนี้ ถ้ำหินปูนจึงเป็นทัศนียภาพธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์อันโดดเด่นของเมืองหนาน หนิง ถ้ำหินปูนเป็นประดิษฐกรรมธรรมชาติที่ค่อยๆก่อรูปขึ้นเนื่องจากถูกน้ำบาดาล กัดเซาะมาเป็นเวลายาวนาน ผลการสำรวจพิสูจน์ให้เห็นว่า กว่าถ้ำหินปูนจะก่อรูปขึ้นให้เห็นชัดเจนนั้นต้องผ่านระยะเวลายาวนานถึงหมื่น ล้านปีเลยทีเดียว

    สถานที่สำคัญในเมืองหนานจิง

    1. กุ้ยหลิน ถือเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเป็นสถานที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศจีน ได้รับการกล่าวขวัญว่า ภูเขาและลำน้ำแห่งเมืองกุ้ยหลินเป็นหนึ่งในโลก แม่น้ำในกุ้ยหลินมีความงามเหมือนผ้าแพรยาวสีเขียว และ ภูเขามีความเสมือนปิ่นปักผมหยก ดังนั้น เมืองกุ้ยหลินจึงมีทัศนียภาพทั่วไปคือมีเขาเขียวน้ำใสงดงาม ตระการตา และยังมีเจดีย์เงิน เจดีย์ทอง
    2. สวยสนุกเมอรี่แลนด์ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและเขตทิวทัศน์ที่สวยงามภายในมีสวนสนุกระดับนานาชาติ
    3. เขตทัศนียภาพเขาชิงซิ่ว สวนป่าเหลียงเฟิ่งเจียง เขตท่องเที่ยวเขาต้าหมิง สถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ทำให้นักท่อองเที่ยวรู้สึกเสมือนหลับเข้าไปในท้อง ทะเลสีเขียวเพราะธรรมชาติที่สมบูรณ์และงดงาม นอกจากนี้เมืองหนานหนิงยังมี สวนสาธารณะอีก 15 แห่งและสวนไม้ดอกขนาดย่อมประมาณร้อยแห่ง
    4. สวนไทย เพื่อเป็นการรำลึกถึงความสัมพันธ์และมิตรภาพระหว่างเมืองหนานหนิงกับประเทศ ไทย สถาปนิกชาวไทยจึงได้สร้างสวนนี้ขึ้นบริเวณไหล่เขาชิงซิ่ว ซึ่งประกอบด้วยวิหาร เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ หอระฆัง และ ระเบียงที่มีสถาปัตยกรรมแบบไทย

    เมืองหนานหนิงเป็นเมืองเอกของเขตปกครองตนเองชนชาติจ้วงกวางสีทางภาคใต้ของ จีน ผู้คนทั้งหลายมักจะพรรณนาถึงเอกลักษณ์โดดเด่นของเมืองหนานหนิงว่า ครึ่งค่อนเมืองหนานหนิงเป็นผืนป่าอันเขียวขจี ส่วนอีกครึ่งค่อนเมืองเป็นอาคารและบ้านเรือนซึ่งตั้งอยู่ปะปนกันอย่างร่ม รื่น นอกจากนี้ มีชนชาติต่างๆหลายชนชาติอาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้มาตั้งแต่บรรพบุรุษ เช่น ชนชาติจ้วง ชนชาติฮั่น ชนชาติม้ง ชนชาติเหยียวและชนชาติต้งเป็นต้น ชุมชนแห่งนี้จึงมีวิถีชีวิตที่มีสีสันอันหลากหลายของชนชาติต่างๆ ให้ผู้ไปเยือนได้เห็นเป็นขวัญตา เมืองหนานหนิงตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีสภาพ ภูมิศาสตร์เป็นเขตคราสต์ ด้วยเหตุนี้ ถ้ำหินปูนจึงเป็นทัศนียภาพธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์อันโดดเด่นของเมืองหนาน หนิง ถ้ำหินปูนเป็นประดิษฐกรรมธรรมชาติที่ค่อยๆก่อรูปขึ้นเนื่องจากถูกน้ำบาดาล กัดเซาะมาเป็นเวลายาวนาน ผลการสำรวจพิสูจน์ให้เห็นว่า กว่าถ้ำหินปูนจะก่อรูปขึ้นให้เห็นชัดเจนนั้นต้องผ่านระยะเวลายาวนานถึงหมื่น ล้านปีเลยทีเดียว

    สถานที่สำคัญในเมืองหนานจิง

    1. กุ้ยหลิน ถือเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเป็นสถานที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศจีน ได้รับการกล่าวขวัญว่า ภูเขาและลำน้ำแห่งเมืองกุ้ยหลินเป็นหนึ่งในโลก แม่น้ำในกุ้ยหลินมีความงามเหมือนผ้าแพรยาวสีเขียว และ ภูเขามีความเสมือนปิ่นปักผมหยก ดังนั้น เมืองกุ้ยหลินจึงมีทัศนียภาพทั่วไปคือมีเขาเขียวน้ำใสงดงาม ตระการตา และยังมีเจดีย์เงิน เจดีย์ทอง
    2. สวยสนุกเมอรี่แลนด์ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและเขตทิวทัศน์ที่สวยงามภายในมีสวนสนุกระดับนานาชาติ
    3. เขตทัศนียภาพเขาชิงซิ่ว สวนป่าเหลียงเฟิ่งเจียง เขตท่องเที่ยวเขาต้าหมิง สถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ทำให้นักท่อองเที่ยวรู้สึกเสมือนหลับเข้าไปในท้อง ทะเลสีเขียวเพราะธรรมชาติที่สมบูรณ์และงดงาม นอกจากนี้เมืองหนานหนิงยังมี สวนสาธารณะอีก 15 แห่งและสวนไม้ดอกขนาดย่อมประมาณร้อยแห่ง
    4. สวนไทย เพื่อเป็นการรำลึกถึงความสัมพันธ์และมิตรภาพระหว่างเมืองหนานหนิงกับประเทศ ไทย สถาปนิกชาวไทยจึงได้สร้างสวนนี้ขึ้นบริเวณไหล่เขาชิงซิ่ว ซึ่งประกอบด้วยวิหาร เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ หอระฆัง และ ระเบียงที่มีสถาปัตยกรรมแบบไทย

    มหาวิทยาลัยที่เปิดสอน University 大学
    Shanghai (เซี่ยงไฮ้) Shanghai (เซี่ยงไฮ้) Shanghai (เซี่ยงไฮ้)

    พื้นที่รวมถึงท้องที่ชนบทกับชุมชนโดยรอบ 6,200 ตารางกิโลเมตร เฉพาะเขตตัวเมืองมีพื้นที่ 375 ตารางกิโลเมตร (พื้นที่ประเทศไทย 517,000 ตารางกิโลเมตร, พื้นที่กรุงเทพ ฯ 560 ตารางกิโลเมตร)

    มหานครเซี่ยงไฮ้ (Shanghai) ปัจจุบันนับเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเมืองหนึ่งของโลก และมีประชากรมากเป็นอันดับหนึ่งของประเทศจีน เป็นเมืองศูนย์กลางความเจริญในด้านต่างๆ ของภูมิภาค ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การเงิน การลงทุน รวมถึง ด้านแฟชั่น และการท่องเที่ยว โดยการผลักดันของรัฐบาลให้เซี่ยงไฮ้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำ และเป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย

    เซี่ยงไฮ้จึงนับเป็นความภูมิใจของชาวจีน โดยเฉพาะชาวเซี่ยงไฮ้ ถือได้ว่าเซี่ยงไฮ้เป็นสัญลักษณ์ของจีน ยุคใหม่ในด้านความก้าวหน้า และ ทันสมัย

    เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่มีการผสมผสาน ทางด้านวัฒนธรรม ทั้งของจีนและตะวันตกได้อย่างกลมกลืน โดยจะเห็นได้จาก อาคารสถาปัตยกรรมในยุคอาณานิคมตามเขต เช่าเดิมของชาวตะวันตก ซึ่งในปัจจุบันกลายมาเป็น สัญลักษณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของเซี่ยงไฮ้

    อุณหภูมิ
    เมืองเซี่ยงไฮ้ ตั้งอยู่ทางตะวันออกของประเทศจีน ตั้งอยู่ในบริเวณกึ่งเขตร้อน (Subtropical) อุณหภูมิค่อนข้างสูงในฤดูร้อน ฝนตกชุก มีมรสุม และใต้ฝุ่นในช่วงเดือนมิถุนายน อากาศในเซี่ยงไฮ้แบ่งออกเป็น ฤดูใบไม้ผลิ (ประมาณเดือนมีนาคม - พฤษภาคม) ฤดูร้อน (ประมาณเดือนมิถุนายน - สิงหาคม) ฤดูใบไม้ร่วง (ประมาณเดือนกันยายน - พฤศจิกายน) และฤดูหนาว (ประมาณเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์) ปริมาณน้ำฝนรวมทั้งปีอยู่ที่ 1,200 มิลลิเมตร

    พื้นที่รวมถึงท้องที่ชนบทกับชุมชนโดยรอบ 6,200 ตารางกิโลเมตร เฉพาะเขตตัวเมืองมีพื้นที่ 375 ตารางกิโลเมตร (พื้นที่ประเทศไทย 517,000 ตารางกิโลเมตร, พื้นที่กรุงเทพ ฯ 560 ตารางกิโลเมตร)

    มหานครเซี่ยงไฮ้ (Shanghai) ปัจจุบันนับเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเมืองหนึ่งของโลก และมีประชากรมากเป็นอันดับหนึ่งของประเทศจีน เป็นเมืองศูนย์กลางความเจริญในด้านต่างๆ ของภูมิภาค ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การเงิน การลงทุน รวมถึง ด้านแฟชั่น และการท่องเที่ยว โดยการผลักดันของรัฐบาลให้เซี่ยงไฮ้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำ และเป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย

    เซี่ยงไฮ้จึงนับเป็นความภูมิใจของชาวจีน โดยเฉพาะชาวเซี่ยงไฮ้ ถือได้ว่าเซี่ยงไฮ้เป็นสัญลักษณ์ของจีน ยุคใหม่
    ในด้านความก้าวหน้า และ ทันสมัย

    เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่มีการผสมผสาน ทางด้านวัฒนธรรม ทั้งของจีนและตะวันตกได้อย่างกลมกลืน โดยจะเห็นได้จาก อาคารสถาปัตยกรรมในยุคอาณานิคมตามเขต เช่าเดิมของชาวตะวันตก ซึ่งในปัจจุบันกลายมาเป็น สัญลักษณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของเซี่ยงไฮ้

    อุณหภูมิ
    เมืองเซี่ยงไฮ้ ตั้งอยู่ทางตะวันออกของประเทศจีน ตั้งอยู่ในบริเวณกึ่งเขตร้อน (Subtropical) อุณหภูมิค่อนข้างสูงในฤดูร้อน ฝนตกชุก มีมรสุม และใต้ฝุ่นในช่วงเดือนมิถุนายน อากาศในเซี่ยงไฮ้แบ่งออกเป็น ฤดูใบไม้ผลิ (ประมาณเดือนมีนาคม - พฤษภาคม) ฤดูร้อน (ประมาณเดือนมิถุนายน - สิงหาคม) ฤดูใบไม้ร่วง (ประมาณเดือนกันยายน - พฤศจิกายน) และฤดูหนาว (ประมาณเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์) ปริมาณน้ำฝนรวมทั้งปีอยู่ที่ 1,200 มิลลิเมตร

    พื้นที่รวมถึงท้องที่ชนบทกับชุมชนโดยรอบ 6,200 ตารางกิโลเมตร เฉพาะเขตตัวเมืองมีพื้นที่ 375 ตารางกิโลเมตร (พื้นที่ประเทศไทย 517,000 ตารางกิโลเมตร, พื้นที่กรุงเทพ ฯ 560 ตารางกิโลเมตร)

    มหานครเซี่ยงไฮ้ (Shanghai) ปัจจุบันนับเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเมืองหนึ่งของโลก และมีประชากรมากเป็นอันดับหนึ่งของประเทศจีน เป็นเมืองศูนย์กลางความเจริญในด้านต่างๆ ของภูมิภาค ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การเงิน การลงทุน รวมถึง ด้านแฟชั่น และการท่องเที่ยว โดยการผลักดันของรัฐบาลให้เซี่ยงไฮ้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำ และเป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย

    เซี่ยงไฮ้จึงนับเป็นความภูมิใจของชาวจีน โดยเฉพาะชาวเซี่ยงไฮ้ ถือได้ว่าเซี่ยงไฮ้เป็นสัญลักษณ์ของจีน ยุคใหม่
    ในด้านความก้าวหน้า และ ทันสมัย

    เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่มีการผสมผสาน ทางด้านวัฒนธรรม ทั้งของจีนและตะวันตกได้อย่างกลมกลืน โดยจะเห็นได้จาก อาคารสถาปัตยกรรมในยุคอาณานิคมตามเขต เช่าเดิมของชาวตะวันตก ซึ่งในปัจจุบันกลายมาเป็น สัญลักษณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของเซี่ยงไฮ้

    อุณหภูมิ
    เมืองเซี่ยงไฮ้ ตั้งอยู่ทางตะวันออกของประเทศจีน ตั้งอยู่ในบริเวณกึ่งเขตร้อน (Subtropical) อุณหภูมิค่อนข้างสูงในฤดูร้อน ฝนตกชุก มีมรสุม และใต้ฝุ่นในช่วงเดือนมิถุนายน อากาศในเซี่ยงไฮ้แบ่งออกเป็น ฤดูใบไม้ผลิ (ประมาณเดือนมีนาคม - พฤษภาคม) ฤดูร้อน (ประมาณเดือนมิถุนายน - สิงหาคม) ฤดูใบไม้ร่วง (ประมาณเดือนกันยายน - พฤศจิกายน) และฤดูหนาว (ประมาณเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์) ปริมาณน้ำฝนรวมทั้งปีอยู่ที่ 1,200 มิลลิเมตร

    กวางโจว (ฺGuangzhou) กวางโจว (ฺGuangzhou) กวางโจว (ฺGuangzhou)

    พื้นที่ 2,020 ตารางกิโลเมตร (พื้นที่ประเทศไทย 517,000 ตารางกิโลเมตร, พื้นที่กรุงเทพ ฯ 560 ตารางกิโลเมตร) จำนวนประชากร ประมาณ 6,664,900 คน โดยราว 2 ล้านคนอาศัยในย่านใจกลางเมือง (ประชากรในกรุงเทพประมาณ 6 ล้านคน)

    เมืองกวางเจาตั้งอยู่ปากแม่น้ำจูเจียง (Zujiang) มีความประวัติศาสตร์ ยาวนานกว่า 2,800 ปี เป็นจุดเริ่มของเส้นทางสายไหมทางทะเลใน ครั้งอดีตและยังเคยเป็นเมืองท่าเสรีแห่งแรกและแห่งเดียวที่เปิดต้อนรับชาว ตะวันตกที่เข้ามาติดต่อค้าขาย

    กวางเจาแม้จะเป็นศูนย์กลางในการปฏิรูปเศรษฐกิจจีน แต่กวางเจายังมีภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ที่ยาวนานในรูปสถาน ที่สำคัญต่าง ๆ ปัจจุบันกวางเจามีบทบาทเป็นเมืองในเขตเศรษฐกิจการค้า ที่มีความ เจริญรุ่งเรืองมากที่สุดในภาคใต้ของจีน และยังได้รับสถานะเป็น หนึ่งในสามเมืองท่าที่สำคัญที่สุดของจีน

    อุณหภูมิ
    กวางเจามีที่ตั้งอยู่ในเขตร้อนชื้นอุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงหน้าร้อน (ราวเดือนมิถุนายน - สิงหาคม) อยู่ที่ประมาณ 22 - 28 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงหน้าหนาว (ราวเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์) อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ13 องศาเซลเซียส

    ไม่เคยมีปรากฎการณ์เกิดน้ำแข็งจากความหนาว ส่วนอุณหภูมิเฉลี่ยสูงที่สุดในช่วงหน้าร้อนเท่าที่เคยมีการบันทึกไว้คือ 39 องศาเซลเซียส และ มักมีฝนตกชุกในช่วงหน้าร้อนมหาวิทยาลัยในกวางโจว

    พื้นที่ 2,020 ตารางกิโลเมตร (พื้นที่ประเทศไทย 517,000 ตารางกิโลเมตร, พื้นที่กรุงเทพ ฯ 560 ตารางกิโลเมตร) จำนวนประชากร ประมาณ 6,664,900 คน โดยราว 2 ล้านคนอาศัยในย่านใจกลางเมือง (ประชากรในกรุงเทพประมาณ 6 ล้านคน)

    เมืองกวางเจาตั้งอยู่ปากแม่น้ำจูเจียง (Zujiang) มีความประวัติศาสตร์ ยาวนานกว่า 2,800 ปี เป็นจุดเริ่มของเส้นทางสายไหมทางทะเลใน ครั้งอดีตและยังเคยเป็นเมืองท่าเสรีแห่งแรกและแห่งเดียวที่เปิดต้อนรับชาว ตะวันตกที่เข้ามาติดต่อค้าขาย

    กวางเจาแม้จะเป็นศูนย์กลางในการปฏิรูปเศรษฐกิจจีน แต่กวางเจายังมีภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ที่ยาวนานในรูปสถาน ที่สำคัญต่าง ๆ ปัจจุบันกวางเจามีบทบาทเป็นเมืองในเขตเศรษฐกิจการค้า ที่มีความ เจริญรุ่งเรืองมากที่สุดในภาคใต้ของจีน และยังได้รับสถานะเป็น หนึ่งในสามเมืองท่าที่สำคัญที่สุดของจีน

    อุณหภูมิ
    กวางเจามีที่ตั้งอยู่ในเขตร้อนชื้นอุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงหน้าร้อน (ราวเดือนมิถุนายน - สิงหาคม) อยู่ที่ประมาณ 22 - 28 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงหน้าหนาว (ราวเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์) อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ13 องศาเซลเซียส

    ไม่เคยมีปรากฎการณ์เกิดน้ำแข็งจากความหนาว ส่วนอุณหภูมิเฉลี่ยสูงที่สุดในช่วงหน้าร้อนเท่าที่เคยมีการบันทึกไว้คือ 39 องศาเซลเซียส และ มักมีฝนตกชุกในช่วงหน้าร้อนมหาวิทยาลัยในกวางโจว

    พื้นที่ 2,020 ตารางกิโลเมตร (พื้นที่ประเทศไทย 517,000 ตารางกิโลเมตร, พื้นที่กรุงเทพ ฯ 560 ตารางกิโลเมตร)

    จำนวนประชากร ประมาณ 6,664,900 คน โดยราว 2 ล้านคนอาศัยในย่านใจกลางเมือง (ประชากรในกรุงเทพประมาณ 6 ล้านคน)

    เมืองกวางเจาตั้งอยู่ปากแม่น้ำจูเจียง (Zujiang) มีความประวัติศาสตร์ ยาวนานกว่า 2,800 ปี เป็นจุดเริ่มของเส้นทางสายไหมทางทะเลใน ครั้งอดีตและยังเคยเป็นเมืองท่าเสรีแห่งแรกและแห่งเดียวที่เปิดต้อนรับชาว ตะวันตกที่เข้ามาติดต่อค้าขาย

    กวางเจาแม้จะเป็นศูนย์กลางในการปฏิรูปเศรษฐกิจจีน แต่กวางเจายังมีภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ที่ยาวนานในรูปสถาน
    ที่สำคัญต่าง ๆ ปัจจุบันกวางเจามีบทบาทเป็นเมืองในเขตเศรษฐกิจการค้า ที่มีความ เจริญรุ่งเรืองมากที่สุดในภาคใต้ของจีน และยังได้รับสถานะเป็น หนึ่งในสามเมืองท่าที่สำคัญที่สุดของจีน
    อุณหภูมิ
    กวางเจามีที่ตั้งอยู่ในเขตร้อนชื้นอุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงหน้าร้อน (ราวเดือนมิถุนายน - สิงหาคม) อยู่ที่ประมาณ 22 - 28 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงหน้าหนาว (ราวเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์) อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ13 องศาเซลเซียส

    ไม่เคยมีปรากฎการณ์เกิดน้ำแข็งจากความหนาว ส่วนอุณหภูมิเฉลี่ยสูงที่สุดในช่วงหน้าร้อนเท่าที่เคยมีการบันทึกไว้คือ 39 องศาเซลเซียส และ มักมีฝนตกชุกในช่วงหน้าร้อน

    มหาวิทยาลัยในกวางโจว

    คุนหมิง (ฺKunming) คุนหมิง (ฺKunming) คุนหมิง (ฺKunming)

    เมืองคุนหมิง เป็นเมืองเอกของมณฑลหยุนหนานซึ่งตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ที่ 1,800 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีฐานะเป็นศูนย์กลางทางการติดต่อระหว่างจีนกับเอเชียอาคเนย์ มีความและยังเป็นหนึ่งในมณฑลของจีนที่มีทัศนีย ภาพสวยงาม หลากหลายด้วยพันธุ์พืช และดอกไม้ทำให้คุนหมิงเป็นเมืองที่มีศักยภาพในการเป็นเมืองอุตสาหกรรมด้าน การท่องเที่ยว คุนหมิง ถือได้ว่าเป็นเมืองที่เป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างพม่าโดยด้านตะวันตกติดกับประเทศพม่า ด้านใต้ติดกับประเทศลาวและเวียดนาม รวมทั้งสิ้นมีพรมแดนติดต่อถึงกันเป็นระยะทางยาว 4,060 กิโลเมตร เวียดนามและลาว จึงเป็นเมืองที่ถือได้ว่ามีความหลากหลายทั้งด้านวัฒนธรรม และเศรษฐกิจของคุนหมิงถือได้ว่ามีการเจริญเติบโตเป็นอันดับที่ 12 ในบรรดาเมืองทั้งหมดในสาธารณรัฐประชาชนจีน
    Public Transportation ( ระบบขนส่ง )

    รถเมล์
    รถเมล์ มีหลายสายให้เลือกขึ้น ซึ่งราคาจะอยู่ที่ประมาณ 1- 2 หยวนตลอดสาย

    รถแท็กซี
    รถแท็กซี่ เริ่มที่ 8 หยวน โดยรวมแล้วค่าโดยสารจะพอๆกับ แท็กซี่ที่เมืองไทย

    รถไฟ
    รถไฟ มีขบวนรถที่เชื่อมเมืองที่สำคัญ คือ ต้าลี่ เฉิงตู และเมืองอื่น ๆ

    สนามบิน
    สนามบินคุนหมิงอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง จากสนามบิน จะนั่งรถเมล์เข้าเมือง หรือจะนั่งรถ Taxi เข้าเมือง ประมาณ10หยวนกว่าๆ

    University

    ภูมิอากาศ คุณหมิงมณฑลตั้งอยู่ในมณฑลยูนนานซึ่งมีภูมิอากาศเย็นสบาย ฤดูหนาวอากาศไม่หนาวจัดและฤดูร้อนอากาศไม่ร้อนจัด อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีอยู่ระหว่าง 15-18 องศาเซลเซียส โดยแบ่งออกเป็น 4 ฤดูดังนี้
    - ฤดูใบไม้ผลิ เดือนมีนาคม – พฤษภาคม
    - ฤดูร้อน เดือนมิถุนายน –สิงหาคม
    - ฤดูใบไม้ร่วง เดือนกันยายน – พฤศจิกายน
    - ฤดูหนาว เดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์

    สถานที่ท่องเที่ยว
    อุทยานป่าหิน (Shilin National Park /石林 ) ในเมืองคุนหมิง จัดเป็นป่าหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกมีอาณาเขตกว้างขวางถึง 40,000 ไร่ ซึ่งสมัยก่อนเป็นเพียงหินปูนที่อยู่ใต้ผืนน้ำ แต่เมื่อเปลือกโลกเกิดการดันตัวสูงขึ้น จึงกลายเป็น ป่าหิน ที่ผุดขึ้นเหนือพื้นดินและการกัดเซาะของสายฝนที่ตกลงมา ทำให้หินมีรูปทรงแตกต่างกันไป


    วัดหยวนทง(Yuantong Temple/ 圆通寺) วัดแห่งนี้เป็นวัดที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในเมืองคุนหมิง สร้างมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถังมีอายุยาวนานประมาณ 1,200 กว่าปี แต่การสร้างวัดแห่งนี้ดูแล้วจะแปลกตากว่าวัดอื่นๆในจีน เพราะปกติแล้วการสร้างวัดของจีนส่วนมากจะต้องสร้างอยู่บนภูเขา แต่วัดหยวนทงสร้างวัดต่ำกว่าภูเขา โดยวิหารจะอยู่ต่ำที่สุด เนื่องจากวัดแห่งนี้ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นวัดโดยตรง แต่เคยเป็นศาลเจ้าแม่กวนอิมมาก่อน วัดหยวนทงที่เราเห็นอยู่นี้เป็นลักษณะของวัดในสมัยราชวงศ์ชิง เนื่องจากวัดนี้ได้ถูกทำลายในสมัยราชวงศ์หมิง และได้รับการบูรณะโดยอู๋ซานกุ้ย ในสมัยที่อู๋ซานกุ้ยมาปกครองที่คุนหมิง

    ตำหนักทอง (金殿) เป็นโบราณสถานที่สำคัญระดับชาติ ซึ่งสร้างในสมัยราชวงศ์ชิงระหว่างที่อู๋ซันกุ้ย เจ้าเมืองของมณฑลยูนนานปกครองอยู่ เป็นตำหนักที่ใหญ่ที่สุดที่หล่อด้วยโลหะเพียงอย่างเดียว

    เมืองคุนหมิง เป็นเมืองเอกของมณฑลหยุนหนานซึ่งตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ที่ 1,800 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีฐานะเป็นศูนย์กลางทางการติดต่อระหว่างจีนกับเอเชียอาคเนย์ มีความและยังเป็นหนึ่งในมณฑลของจีนที่มีทัศนีย ภาพสวยงาม หลากหลายด้วยพันธุ์พืช และดอกไม้ทำให้คุนหมิงเป็นเมืองที่มีศักยภาพในการเป็นเมืองอุตสาหกรรมด้าน การท่องเที่ยว คุนหมิง ถือได้ว่าเป็นเมืองที่เป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างพม่าโดยด้านตะวันตกติดกับประเทศพม่า ด้านใต้ติดกับประเทศลาวและเวียดนาม รวมทั้งสิ้นมีพรมแดนติดต่อถึงกันเป็นระยะทางยาว 4,060 กิโลเมตร เวียดนามและลาว จึงเป็นเมืองที่ถือได้ว่ามีความหลากหลายทั้งด้านวัฒนธรรม และเศรษฐกิจของคุนหมิงถือได้ว่ามีการเจริญเติบโตเป็นอันดับที่ 12 ในบรรดาเมืองทั้งหมดในสาธารณรัฐประชาชนจีน

    Public Transportation ( ระบบขนส่ง )

    รถเมล์
    รถเมล์ มีหลายสายให้เลือกขึ้น ซึ่งราคาจะอยู่ที่ประมาณ 1- 2 หยวนตลอดสาย

    รถแท็กซี
    รถแท็กซี่ เริ่มที่ 8 หยวน โดยรวมแล้วค่าโดยสารจะพอๆกับ แท็กซี่ที่เมืองไทย

    รถไฟ
    รถไฟ มีขบวนรถที่เชื่อมเมืองที่สำคัญ คือ ต้าลี่ เฉิงตู และเมืองอื่น ๆ

    สนามบิน
    สนามบินคุนหมิงอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง จากสนามบิน จะนั่งรถเมล์เข้าเมือง หรือจะนั่งรถ Taxi เข้าเมือง ประมาณ10หยวนกว่าๆ

    University

    ภูมิอากาศ คุณหมิงมณฑลตั้งอยู่ในมณฑลยูนนานซึ่งมีภูมิอากาศเย็นสบาย ฤดูหนาวอากาศไม่หนาวจัดและฤดูร้อนอากาศไม่ร้อนจัด อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีอยู่ระหว่าง 15-18 องศาเซลเซียส โดยแบ่งออกเป็น 4 ฤดูดังนี้

    - ฤดูใบไม้ผลิ เดือนมีนาคม – พฤษภาคม
    - ฤดูร้อน เดือนมิถุนายน –สิงหาคม
    - ฤดูใบไม้ร่วง เดือนกันยายน – พฤศจิกายน
    - ฤดูหนาว เดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์

    สถานที่ท่องเที่ยว
    อุทยานป่าหิน (Shilin National Park /石林 ) ในเมืองคุนหมิง จัดเป็นป่าหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกมีอาณาเขตกว้างขวางถึง 40,000 ไร่ ซึ่งสมัยก่อนเป็นเพียงหินปูนที่อยู่ใต้ผืนน้ำ แต่เมื่อเปลือกโลกเกิดการดันตัวสูงขึ้น จึงกลายเป็น ป่าหิน ที่ผุดขึ้นเหนือพื้นดินและการกัดเซาะของสายฝนที่ตกลงมา ทำให้หินมีรูปทรงแตกต่างกันไป

    วัดหยวนทง(Yuantong Temple/ 圆通寺) วัดแห่งนี้เป็นวัดที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในเมืองคุนหมิง สร้างมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถังมีอายุยาวนานประมาณ 1,200 กว่าปี แต่การสร้างวัดแห่งนี้ดูแล้วจะแปลกตากว่าวัดอื่นๆในจีน เพราะปกติแล้วการสร้างวัดของจีนส่วนมากจะต้องสร้างอยู่บนภูเขา แต่วัดหยวนทงสร้างวัดต่ำกว่าภูเขา โดยวิหารจะอยู่ต่ำที่สุด เนื่องจากวัดแห่งนี้ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นวัดโดยตรง แต่เคยเป็นศาลเจ้าแม่กวนอิมมาก่อน วัดหยวนทงที่เราเห็นอยู่นี้เป็นลักษณะของวัดในสมัยราชวงศ์ชิง เนื่องจากวัดนี้ได้ถูกทำลายในสมัยราชวงศ์หมิง และได้รับการบูรณะโดยอู๋ซานกุ้ย ในสมัยที่อู๋ซานกุ้ยมาปกครองที่คุนหมิง

    ตำหนักทอง (金殿) เป็นโบราณสถานที่สำคัญระดับชาติ ซึ่งสร้างในสมัยราชวงศ์ชิงระหว่างที่อู๋ซันกุ้ย เจ้าเมืองของมณฑลยูนนานปกครองอยู่ เป็นตำหนักที่ใหญ่ที่สุดที่หล่อด้วยโลหะเพียงอย่างเดียว

    เมืองคุนหมิง เป็นเมืองเอกของมณฑลหยุนหนานซึ่งตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ที่ 1,800 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีฐานะเป็นศูนย์กลางทางการติดต่อระหว่างจีนกับเอเชียอาคเนย์ มีความและยังเป็นหนึ่งในมณฑลของจีนที่มีทัศนีย ภาพสวยงาม หลากหลายด้วยพันธุ์พืช และดอกไม้ทำให้คุนหมิงเป็นเมืองที่มีศักยภาพในการเป็นเมืองอุตสาหกรรมด้าน การท่องเที่ยว คุนหมิง ถือได้ว่าเป็นเมืองที่เป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างพม่าโดยด้านตะวันตกติดกับประเทศพม่า ด้านใต้ติดกับประเทศลาวและเวียดนาม รวมทั้งสิ้นมีพรมแดนติดต่อถึงกันเป็นระยะทางยาว 4,060 กิโลเมตร เวียดนามและลาว จึงเป็นเมืองที่ถือได้ว่ามีความหลากหลายทั้งด้านวัฒนธรรม และเศรษฐกิจของคุนหมิงถือได้ว่ามีการเจริญเติบโตเป็นอันดับที่ 12 ในบรรดาเมืองทั้งหมดในสาธารณรัฐประชาชนจีน
    Public Transportation ( ระบบขนส่ง )

    รถเมล์
    รถเมล์ มีหลายสายให้เลือกขึ้น ซึ่งราคาจะอยู่ที่ประมาณ 1- 2 หยวนตลอดสาย

    รถแท็กซี
    รถแท็กซี่ เริ่มที่ 8 หยวน โดยรวมแล้วค่าโดยสารจะพอๆกับ แท็กซี่ที่เมืองไทย

    รถไฟ
    รถไฟ มีขบวนรถที่เชื่อมเมืองที่สำคัญ คือ ต้าลี่ เฉิงตู และเมืองอื่น ๆ

    สนามบิน
    สนามบินคุนหมิงอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง จากสนามบิน จะนั่งรถเมล์เข้าเมือง หรือจะนั่งรถ Taxi เข้าเมือง ประมาณ10หยวนกว่าๆ

    University

    ภูมิอากาศ คุณหมิงมณฑลตั้งอยู่ในมณฑลยูนนานซึ่งมีภูมิอากาศเย็นสบาย ฤดูหนาวอากาศไม่หนาวจัดและฤดูร้อนอากาศไม่ร้อนจัด อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีอยู่ระหว่าง 15-18 องศาเซลเซียส โดยแบ่งออกเป็น 4 ฤดูดังนี้
    - ฤดูใบไม้ผลิ เดือนมีนาคม – พฤษภาคม
    - ฤดูร้อน เดือนมิถุนายน –สิงหาคม
    - ฤดูใบไม้ร่วง เดือนกันยายน – พฤศจิกายน
    - ฤดูหนาว เดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์

    สถานที่ท่องเที่ยว
    อุทยานป่าหิน (Shilin National Park /石林 ) ในเมืองคุนหมิง จัดเป็นป่าหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกมีอาณาเขตกว้างขวางถึง 40,000 ไร่ ซึ่งสมัยก่อนเป็นเพียงหินปูนที่อยู่ใต้ผืนน้ำ แต่เมื่อเปลือกโลกเกิดการดันตัวสูงขึ้น จึงกลายเป็น ป่าหิน ที่ผุดขึ้นเหนือพื้นดินและการกัดเซาะของสายฝนที่ตกลงมา ทำให้หินมีรูปทรงแตกต่างกันไป


    วัดหยวนทง(Yuantong Temple/ 圆通寺) วัดแห่งนี้เป็นวัดที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในเมืองคุนหมิง สร้างมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถังมีอายุยาวนานประมาณ 1,200 กว่าปี แต่การสร้างวัดแห่งนี้ดูแล้วจะแปลกตากว่าวัดอื่นๆในจีน เพราะปกติแล้วการสร้างวัดของจีนส่วนมากจะต้องสร้างอยู่บนภูเขา แต่วัดหยวนทงสร้างวัดต่ำกว่าภูเขา โดยวิหารจะอยู่ต่ำที่สุด เนื่องจากวัดแห่งนี้ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นวัดโดยตรง แต่เคยเป็นศาลเจ้าแม่กวนอิมมาก่อน วัดหยวนทงที่เราเห็นอยู่นี้เป็นลักษณะของวัดในสมัยราชวงศ์ชิง เนื่องจากวัดนี้ได้ถูกทำลายในสมัยราชวงศ์หมิง และได้รับการบูรณะโดยอู๋ซานกุ้ย ในสมัยที่อู๋ซานกุ้ยมาปกครองที่คุนหมิง

    ตำหนักทอง (金殿) เป็นโบราณสถานที่สำคัญระดับชาติ ซึ่งสร้างในสมัยราชวงศ์ชิงระหว่างที่อู๋ซันกุ้ย เจ้าเมืองของมณฑลยูนนานปกครองอยู่ เป็นตำหนักที่ใหญ่ที่สุดที่หล่อด้วยโลหะเพียงอย่างเดียว

    มหาวิทยาลัยที่เปิดสอน University 大学
    ปักกิ่ง (Beijing) ปักกิ่ง (Beijing) ปักกิ่ง (Beijing)

    มหานครปักกิ่ง เป็นเมืองหลวงของสาธารณะรัฐประชาชนจีน มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน นับแต่ สมัยราชวงศ์หยวน สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน เป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมของจีน มีพื้นที่ประมาณ 16,800 ตารางกิโลเมตร (ใหญ่กว่ากรุงเทพ ฯ ประมาณ 30 เท่า) จำนวนประชากร ประมาณ 13 ล้านคน

    อุณหภูมิ
    ปักกิ่งมี 4 ฤดูกาลชัดเจน โดยฤดูหนาวในปักกิ่ง (่ราวเดือนธันวาคม - มีนาคม) ซึ่งอุณหภูมิมักต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส ขณะที่ฤดูร้อน (ราวเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม) และมีฝนตกบ่อย อุณหภูมิของปักกิ่งมีความแตกต่างกันสูงระหว่างหน้าร้อนและหน้าหนาว อุณหภูมิ ในหน้าร้อนอาจสูงสุดถึง 40 องศาเซลเซียส ขณะที่ในหน้าหนาวอุณหภูมิอาจลดลงถึง -20 องศาเซลเซียส ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามักมีพายุทรายพัดเอาฝุ่นทรายจากทางตอนเหนือเข้ามา ยังปักกิ่ง ในช่วงฤดูใบไม้ผลิราวเดือนเมษายนของทุกปี

    มหานครปักกิ่ง เป็นเมืองหลวงของสาธารณะรัฐประชาชนจีน มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน นับแต่ สมัยราชวงศ์หยวน สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน เป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมของจีน มีพื้นที่ประมาณ 16,800 ตารางกิโลเมตร (ใหญ่กว่ากรุงเทพ ฯ ประมาณ 30 เท่า) จำนวนประชากร ประมาณ 13 ล้านคน

    อุณหภูมิ
    ปักกิ่งมี 4 ฤดูกาลชัดเจน โดยฤดูหนาวในปักกิ่ง (่ราวเดือนธันวาคม - มีนาคม) ซึ่งอุณหภูมิมักต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส ขณะที่ฤดูร้อน (ราวเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม) และมีฝนตกบ่อย อุณหภูมิของปักกิ่งมีความแตกต่างกันสูงระหว่างหน้าร้อนและหน้าหนาว อุณหภูมิ ในหน้าร้อนอาจสูงสุดถึง 40 องศาเซลเซียส ขณะที่ในหน้าหนาวอุณหภูมิอาจลดลงถึง -20 องศาเซลเซียส ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามักมีพายุทรายพัดเอาฝุ่นทรายจากทางตอนเหนือเข้ามา ยังปักกิ่ง ในช่วงฤดูใบไม้ผลิราวเดือนเมษายนของทุกปี

    มหานครปักกิ่ง เป็นเมืองหลวงของสาธารณะรัฐประชาชนจีน มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน นับแต่ สมัยราชวงศ์หยวน สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน เป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมของจีน มีพื้นที่ประมาณ 16,800 ตารางกิโลเมตร (ใหญ่กว่ากรุงเทพ ฯ ประมาณ 30 เท่า) จำนวนประชากร ประมาณ 13 ล้านคน
    อุณหภูมิ
    ปักกิ่งมี 4 ฤดูกาลชัดเจน โดยฤดูหนาวในปักกิ่ง (่ราวเดือนธันวาคม - มีนาคม) ซึ่งอุณหภูมิมักต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส ขณะที่ฤดูร้อน (ราวเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม) และมีฝนตกบ่อย อุณหภูมิของปักกิ่งมีความแตกต่างกันสูงระหว่างหน้าร้อนและหน้าหนาว อุณหภูมิ ในหน้าร้อนอาจสูงสุดถึง 40 องศาเซลเซียส ขณะที่ในหน้าหนาวอุณหภูมิอาจลดลงถึง -20 องศาเซลเซียส ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามักมีพายุทรายพัดเอาฝุ่นทรายจากทางตอนเหนือเข้ามา ยังปักกิ่ง ในช่วงฤดูใบไม้ผลิราวเดือนเมษายนของทุกปี

     

  • หลักสูตรปริญญาตรี โท 

     เมืองและมหาวิทยาลัยที่เปิดสอน

    หลักสูตรปริญญาตรี โท 

     เมืองและมหาวิทยาลัยที่เปิดสอน

    หลักสูตรปริญญาตรี โท 

     เมืองและมหาวิทยาลัยที่เปิดสอน

    Nanning (หนานหนิง) Nanning (หนานหนิง) Nanning (หนานหนิง)

    เมืองหนานหนิงเป็นเมืองเอกของเขตปกครองตนเองชนชาติจ้วงกวางสีทางภาคใต้ของ จีน ผู้คนทั้งหลายมักจะพรรณนาถึงเอกลักษณ์โดดเด่นของเมืองหนานหนิงว่า ครึ่งค่อนเมืองหนานหนิงเป็นผืนป่าอันเขียวขจี ส่วนอีกครึ่งค่อนเมืองเป็นอาคารและบ้านเรือนซึ่งตั้งอยู่ปะปนกันอย่างร่ม รื่น นอกจากนี้ มีชนชาติต่างๆหลายชนชาติอาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้มาตั้งแต่บรรพบุรุษ เช่น ชนชาติจ้วง ชนชาติฮั่น ชนชาติม้ง ชนชาติเหยียวและชนชาติต้งเป็นต้น ชุมชนแห่งนี้จึงมีวิถีชีวิตที่มีสีสันอันหลากหลายของชนชาติต่างๆ ให้ผู้ไปเยือนได้เห็นเป็นขวัญตา เมืองหนานหนิงตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีสภาพ ภูมิศาสตร์เป็นเขตคราสต์ ด้วยเหตุนี้ ถ้ำหินปูนจึงเป็นทัศนียภาพธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์อันโดดเด่นของเมืองหนาน หนิง ถ้ำหินปูนเป็นประดิษฐกรรมธรรมชาติที่ค่อยๆก่อรูปขึ้นเนื่องจากถูกน้ำบาดาล กัดเซาะมาเป็นเวลายาวนาน ผลการสำรวจพิสูจน์ให้เห็นว่า กว่าถ้ำหินปูนจะก่อรูปขึ้นให้เห็นชัดเจนนั้นต้องผ่านระยะเวลายาวนานถึงหมื่น ล้านปีเลยทีเดียว

    สถานที่สำคัญในเมืองหนานจิง

    1. กุ้ยหลิน ถือเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเป็นสถานที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศจีน ได้รับการกล่าวขวัญว่า ภูเขาและลำน้ำแห่งเมืองกุ้ยหลินเป็นหนึ่งในโลก แม่น้ำในกุ้ยหลินมีความงามเหมือนผ้าแพรยาวสีเขียว และ ภูเขามีความเสมือนปิ่นปักผมหยก ดังนั้น เมืองกุ้ยหลินจึงมีทัศนียภาพทั่วไปคือมีเขาเขียวน้ำใสงดงาม ตระการตา และยังมีเจดีย์เงิน เจดีย์ทอง
    2. สวยสนุกเมอรี่แลนด์ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและเขตทิวทัศน์ที่สวยงามภายในมีสวนสนุกระดับนานาชาติ
    3. เขตทัศนียภาพเขาชิงซิ่ว สวนป่าเหลียงเฟิ่งเจียง เขตท่องเที่ยวเขาต้าหมิง สถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ทำให้นักท่อองเที่ยวรู้สึกเสมือนหลับเข้าไปในท้อง ทะเลสีเขียวเพราะธรรมชาติที่สมบูรณ์และงดงาม นอกจากนี้เมืองหนานหนิงยังมี สวนสาธารณะอีก 15 แห่งและสวนไม้ดอกขนาดย่อมประมาณร้อยแห่ง
    4. สวนไทย เพื่อเป็นการรำลึกถึงความสัมพันธ์และมิตรภาพระหว่างเมืองหนานหนิงกับประเทศ ไทย สถาปนิกชาวไทยจึงได้สร้างสวนนี้ขึ้นบริเวณไหล่เขาชิงซิ่ว ซึ่งประกอบด้วยวิหาร เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ หอระฆัง และ ระเบียงที่มีสถาปัตยกรรมแบบไทย

    เมืองหนานหนิงเป็นเมืองเอกของเขตปกครองตนเองชนชาติจ้วงกวางสีทางภาคใต้ของ จีน ผู้คนทั้งหลายมักจะพรรณนาถึงเอกลักษณ์โดดเด่นของเมืองหนานหนิงว่า ครึ่งค่อนเมืองหนานหนิงเป็นผืนป่าอันเขียวขจี ส่วนอีกครึ่งค่อนเมืองเป็นอาคารและบ้านเรือนซึ่งตั้งอยู่ปะปนกันอย่างร่ม รื่น นอกจากนี้ มีชนชาติต่างๆหลายชนชาติอาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้มาตั้งแต่บรรพบุรุษ เช่น ชนชาติจ้วง ชนชาติฮั่น ชนชาติม้ง ชนชาติเหยียวและชนชาติต้งเป็นต้น ชุมชนแห่งนี้จึงมีวิถีชีวิตที่มีสีสันอันหลากหลายของชนชาติต่างๆ ให้ผู้ไปเยือนได้เห็นเป็นขวัญตา เมืองหนานหนิงตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีสภาพ ภูมิศาสตร์เป็นเขตคราสต์ ด้วยเหตุนี้ ถ้ำหินปูนจึงเป็นทัศนียภาพธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์อันโดดเด่นของเมืองหนาน หนิง ถ้ำหินปูนเป็นประดิษฐกรรมธรรมชาติที่ค่อยๆก่อรูปขึ้นเนื่องจากถูกน้ำบาดาล กัดเซาะมาเป็นเวลายาวนาน ผลการสำรวจพิสูจน์ให้เห็นว่า กว่าถ้ำหินปูนจะก่อรูปขึ้นให้เห็นชัดเจนนั้นต้องผ่านระยะเวลายาวนานถึงหมื่น ล้านปีเลยทีเดียว

    สถานที่สำคัญในเมืองหนานจิง

    1. กุ้ยหลิน ถือเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเป็นสถานที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศจีน ได้รับการกล่าวขวัญว่า ภูเขาและลำน้ำแห่งเมืองกุ้ยหลินเป็นหนึ่งในโลก แม่น้ำในกุ้ยหลินมีความงามเหมือนผ้าแพรยาวสีเขียว และ ภูเขามีความเสมือนปิ่นปักผมหยก ดังนั้น เมืองกุ้ยหลินจึงมีทัศนียภาพทั่วไปคือมีเขาเขียวน้ำใสงดงาม ตระการตา และยังมีเจดีย์เงิน เจดีย์ทอง
    2. สวยสนุกเมอรี่แลนด์ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและเขตทิวทัศน์ที่สวยงามภายในมีสวนสนุกระดับนานาชาติ
    3. เขตทัศนียภาพเขาชิงซิ่ว สวนป่าเหลียงเฟิ่งเจียง เขตท่องเที่ยวเขาต้าหมิง สถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ทำให้นักท่อองเที่ยวรู้สึกเสมือนหลับเข้าไปในท้อง ทะเลสีเขียวเพราะธรรมชาติที่สมบูรณ์และงดงาม นอกจากนี้เมืองหนานหนิงยังมี สวนสาธารณะอีก 15 แห่งและสวนไม้ดอกขนาดย่อมประมาณร้อยแห่ง
    4. สวนไทย เพื่อเป็นการรำลึกถึงความสัมพันธ์และมิตรภาพระหว่างเมืองหนานหนิงกับประเทศ ไทย สถาปนิกชาวไทยจึงได้สร้างสวนนี้ขึ้นบริเวณไหล่เขาชิงซิ่ว ซึ่งประกอบด้วยวิหาร เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ หอระฆัง และ ระเบียงที่มีสถาปัตยกรรมแบบไทย

    เมืองหนานหนิงเป็นเมืองเอกของเขตปกครองตนเองชนชาติจ้วงกวางสีทางภาคใต้ของ จีน ผู้คนทั้งหลายมักจะพรรณนาถึงเอกลักษณ์โดดเด่นของเมืองหนานหนิงว่า ครึ่งค่อนเมืองหนานหนิงเป็นผืนป่าอันเขียวขจี ส่วนอีกครึ่งค่อนเมืองเป็นอาคารและบ้านเรือนซึ่งตั้งอยู่ปะปนกันอย่างร่ม รื่น นอกจากนี้ มีชนชาติต่างๆหลายชนชาติอาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้มาตั้งแต่บรรพบุรุษ เช่น ชนชาติจ้วง ชนชาติฮั่น ชนชาติม้ง ชนชาติเหยียวและชนชาติต้งเป็นต้น ชุมชนแห่งนี้จึงมีวิถีชีวิตที่มีสีสันอันหลากหลายของชนชาติต่างๆ ให้ผู้ไปเยือนได้เห็นเป็นขวัญตา เมืองหนานหนิงตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีสภาพ ภูมิศาสตร์เป็นเขตคราสต์ ด้วยเหตุนี้ ถ้ำหินปูนจึงเป็นทัศนียภาพธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์อันโดดเด่นของเมืองหนาน หนิง ถ้ำหินปูนเป็นประดิษฐกรรมธรรมชาติที่ค่อยๆก่อรูปขึ้นเนื่องจากถูกน้ำบาดาล กัดเซาะมาเป็นเวลายาวนาน ผลการสำรวจพิสูจน์ให้เห็นว่า กว่าถ้ำหินปูนจะก่อรูปขึ้นให้เห็นชัดเจนนั้นต้องผ่านระยะเวลายาวนานถึงหมื่น ล้านปีเลยทีเดียว

    สถานที่สำคัญในเมืองหนานจิง

    1. กุ้ยหลิน ถือเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเป็นสถานที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศจีน ได้รับการกล่าวขวัญว่า ภูเขาและลำน้ำแห่งเมืองกุ้ยหลินเป็นหนึ่งในโลก แม่น้ำในกุ้ยหลินมีความงามเหมือนผ้าแพรยาวสีเขียว และ ภูเขามีความเสมือนปิ่นปักผมหยก ดังนั้น เมืองกุ้ยหลินจึงมีทัศนียภาพทั่วไปคือมีเขาเขียวน้ำใสงดงาม ตระการตา และยังมีเจดีย์เงิน เจดีย์ทอง
    2. สวยสนุกเมอรี่แลนด์ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและเขตทิวทัศน์ที่สวยงามภายในมีสวนสนุกระดับนานาชาติ
    3. เขตทัศนียภาพเขาชิงซิ่ว สวนป่าเหลียงเฟิ่งเจียง เขตท่องเที่ยวเขาต้าหมิง สถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ทำให้นักท่อองเที่ยวรู้สึกเสมือนหลับเข้าไปในท้อง ทะเลสีเขียวเพราะธรรมชาติที่สมบูรณ์และงดงาม นอกจากนี้เมืองหนานหนิงยังมี สวนสาธารณะอีก 15 แห่งและสวนไม้ดอกขนาดย่อมประมาณร้อยแห่ง
    4. สวนไทย เพื่อเป็นการรำลึกถึงความสัมพันธ์และมิตรภาพระหว่างเมืองหนานหนิงกับประเทศ ไทย สถาปนิกชาวไทยจึงได้สร้างสวนนี้ขึ้นบริเวณไหล่เขาชิงซิ่ว ซึ่งประกอบด้วยวิหาร เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ หอระฆัง และ ระเบียงที่มีสถาปัตยกรรมแบบไทย

    มหาวิทยาลัยที่เปิดสอน University 大学
    Shanghai (เซี่ยงไฮ้) Shanghai (เซี่ยงไฮ้) Shanghai (เซี่ยงไฮ้)

    พื้นที่รวมถึงท้องที่ชนบทกับชุมชนโดยรอบ 6,200 ตารางกิโลเมตร เฉพาะเขตตัวเมืองมีพื้นที่ 375 ตารางกิโลเมตร (พื้นที่ประเทศไทย 517,000 ตารางกิโลเมตร, พื้นที่กรุงเทพ ฯ 560 ตารางกิโลเมตร)

    มหานครเซี่ยงไฮ้ (Shanghai) ปัจจุบันนับเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเมืองหนึ่งของโลก และมีประชากรมากเป็นอันดับหนึ่งของประเทศจีน เป็นเมืองศูนย์กลางความเจริญในด้านต่างๆ ของภูมิภาค ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การเงิน การลงทุน รวมถึง ด้านแฟชั่น และการท่องเที่ยว โดยการผลักดันของรัฐบาลให้เซี่ยงไฮ้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำ และเป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย

    เซี่ยงไฮ้จึงนับเป็นความภูมิใจของชาวจีน โดยเฉพาะชาวเซี่ยงไฮ้ ถือได้ว่าเซี่ยงไฮ้เป็นสัญลักษณ์ของจีน ยุคใหม่ในด้านความก้าวหน้า และ ทันสมัย

    เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่มีการผสมผสาน ทางด้านวัฒนธรรม ทั้งของจีนและตะวันตกได้อย่างกลมกลืน โดยจะเห็นได้จาก อาคารสถาปัตยกรรมในยุคอาณานิคมตามเขต เช่าเดิมของชาวตะวันตก ซึ่งในปัจจุบันกลายมาเป็น สัญลักษณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของเซี่ยงไฮ้

    อุณหภูมิ
    เมืองเซี่ยงไฮ้ ตั้งอยู่ทางตะวันออกของประเทศจีน ตั้งอยู่ในบริเวณกึ่งเขตร้อน (Subtropical) อุณหภูมิค่อนข้างสูงในฤดูร้อน ฝนตกชุก มีมรสุม และใต้ฝุ่นในช่วงเดือนมิถุนายน อากาศในเซี่ยงไฮ้แบ่งออกเป็น ฤดูใบไม้ผลิ (ประมาณเดือนมีนาคม - พฤษภาคม) ฤดูร้อน (ประมาณเดือนมิถุนายน - สิงหาคม) ฤดูใบไม้ร่วง (ประมาณเดือนกันยายน - พฤศจิกายน) และฤดูหนาว (ประมาณเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์) ปริมาณน้ำฝนรวมทั้งปีอยู่ที่ 1,200 มิลลิเมตร

    พื้นที่รวมถึงท้องที่ชนบทกับชุมชนโดยรอบ 6,200 ตารางกิโลเมตร เฉพาะเขตตัวเมืองมีพื้นที่ 375 ตารางกิโลเมตร (พื้นที่ประเทศไทย 517,000 ตารางกิโลเมตร, พื้นที่กรุงเทพ ฯ 560 ตารางกิโลเมตร)

    มหานครเซี่ยงไฮ้ (Shanghai) ปัจจุบันนับเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเมืองหนึ่งของโลก และมีประชากรมากเป็นอันดับหนึ่งของประเทศจีน เป็นเมืองศูนย์กลางความเจริญในด้านต่างๆ ของภูมิภาค ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การเงิน การลงทุน รวมถึง ด้านแฟชั่น และการท่องเที่ยว โดยการผลักดันของรัฐบาลให้เซี่ยงไฮ้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำ และเป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย

    เซี่ยงไฮ้จึงนับเป็นความภูมิใจของชาวจีน โดยเฉพาะชาวเซี่ยงไฮ้ ถือได้ว่าเซี่ยงไฮ้เป็นสัญลักษณ์ของจีน ยุคใหม่
    ในด้านความก้าวหน้า และ ทันสมัย

    เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่มีการผสมผสาน ทางด้านวัฒนธรรม ทั้งของจีนและตะวันตกได้อย่างกลมกลืน โดยจะเห็นได้จาก อาคารสถาปัตยกรรมในยุคอาณานิคมตามเขต เช่าเดิมของชาวตะวันตก ซึ่งในปัจจุบันกลายมาเป็น สัญลักษณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของเซี่ยงไฮ้

    อุณหภูมิ
    เมืองเซี่ยงไฮ้ ตั้งอยู่ทางตะวันออกของประเทศจีน ตั้งอยู่ในบริเวณกึ่งเขตร้อน (Subtropical) อุณหภูมิค่อนข้างสูงในฤดูร้อน ฝนตกชุก มีมรสุม และใต้ฝุ่นในช่วงเดือนมิถุนายน อากาศในเซี่ยงไฮ้แบ่งออกเป็น ฤดูใบไม้ผลิ (ประมาณเดือนมีนาคม - พฤษภาคม) ฤดูร้อน (ประมาณเดือนมิถุนายน - สิงหาคม) ฤดูใบไม้ร่วง (ประมาณเดือนกันยายน - พฤศจิกายน) และฤดูหนาว (ประมาณเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์) ปริมาณน้ำฝนรวมทั้งปีอยู่ที่ 1,200 มิลลิเมตร

    พื้นที่รวมถึงท้องที่ชนบทกับชุมชนโดยรอบ 6,200 ตารางกิโลเมตร เฉพาะเขตตัวเมืองมีพื้นที่ 375 ตารางกิโลเมตร (พื้นที่ประเทศไทย 517,000 ตารางกิโลเมตร, พื้นที่กรุงเทพ ฯ 560 ตารางกิโลเมตร)

    มหานครเซี่ยงไฮ้ (Shanghai) ปัจจุบันนับเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเมืองหนึ่งของโลก และมีประชากรมากเป็นอันดับหนึ่งของประเทศจีน เป็นเมืองศูนย์กลางความเจริญในด้านต่างๆ ของภูมิภาค ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การเงิน การลงทุน รวมถึง ด้านแฟชั่น และการท่องเที่ยว โดยการผลักดันของรัฐบาลให้เซี่ยงไฮ้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำ และเป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย

    เซี่ยงไฮ้จึงนับเป็นความภูมิใจของชาวจีน โดยเฉพาะชาวเซี่ยงไฮ้ ถือได้ว่าเซี่ยงไฮ้เป็นสัญลักษณ์ของจีน ยุคใหม่
    ในด้านความก้าวหน้า และ ทันสมัย

    เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่มีการผสมผสาน ทางด้านวัฒนธรรม ทั้งของจีนและตะวันตกได้อย่างกลมกลืน โดยจะเห็นได้จาก อาคารสถาปัตยกรรมในยุคอาณานิคมตามเขต เช่าเดิมของชาวตะวันตก ซึ่งในปัจจุบันกลายมาเป็น สัญลักษณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของเซี่ยงไฮ้

    อุณหภูมิ
    เมืองเซี่ยงไฮ้ ตั้งอยู่ทางตะวันออกของประเทศจีน ตั้งอยู่ในบริเวณกึ่งเขตร้อน (Subtropical) อุณหภูมิค่อนข้างสูงในฤดูร้อน ฝนตกชุก มีมรสุม และใต้ฝุ่นในช่วงเดือนมิถุนายน อากาศในเซี่ยงไฮ้แบ่งออกเป็น ฤดูใบไม้ผลิ (ประมาณเดือนมีนาคม - พฤษภาคม) ฤดูร้อน (ประมาณเดือนมิถุนายน - สิงหาคม) ฤดูใบไม้ร่วง (ประมาณเดือนกันยายน - พฤศจิกายน) และฤดูหนาว (ประมาณเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์) ปริมาณน้ำฝนรวมทั้งปีอยู่ที่ 1,200 มิลลิเมตร

    กวางโจว (ฺGuangzhou) กวางโจว (ฺGuangzhou) กวางโจว (ฺGuangzhou)

    พื้นที่ 2,020 ตารางกิโลเมตร (พื้นที่ประเทศไทย 517,000 ตารางกิโลเมตร, พื้นที่กรุงเทพ ฯ 560 ตารางกิโลเมตร) จำนวนประชากร ประมาณ 6,664,900 คน โดยราว 2 ล้านคนอาศัยในย่านใจกลางเมือง (ประชากรในกรุงเทพประมาณ 6 ล้านคน)

    เมืองกวางเจาตั้งอยู่ปากแม่น้ำจูเจียง (Zujiang) มีความประวัติศาสตร์ ยาวนานกว่า 2,800 ปี เป็นจุดเริ่มของเส้นทางสายไหมทางทะเลใน ครั้งอดีตและยังเคยเป็นเมืองท่าเสรีแห่งแรกและแห่งเดียวที่เปิดต้อนรับชาว ตะวันตกที่เข้ามาติดต่อค้าขาย

    กวางเจาแม้จะเป็นศูนย์กลางในการปฏิรูปเศรษฐกิจจีน แต่กวางเจายังมีภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ที่ยาวนานในรูปสถาน ที่สำคัญต่าง ๆ ปัจจุบันกวางเจามีบทบาทเป็นเมืองในเขตเศรษฐกิจการค้า ที่มีความ เจริญรุ่งเรืองมากที่สุดในภาคใต้ของจีน และยังได้รับสถานะเป็น หนึ่งในสามเมืองท่าที่สำคัญที่สุดของจีน

    อุณหภูมิ
    กวางเจามีที่ตั้งอยู่ในเขตร้อนชื้นอุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงหน้าร้อน (ราวเดือนมิถุนายน - สิงหาคม) อยู่ที่ประมาณ 22 - 28 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงหน้าหนาว (ราวเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์) อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ13 องศาเซลเซียส

    ไม่เคยมีปรากฎการณ์เกิดน้ำแข็งจากความหนาว ส่วนอุณหภูมิเฉลี่ยสูงที่สุดในช่วงหน้าร้อนเท่าที่เคยมีการบันทึกไว้คือ 39 องศาเซลเซียส และ มักมีฝนตกชุกในช่วงหน้าร้อนมหาวิทยาลัยในกวางโจว

    พื้นที่ 2,020 ตารางกิโลเมตร (พื้นที่ประเทศไทย 517,000 ตารางกิโลเมตร, พื้นที่กรุงเทพ ฯ 560 ตารางกิโลเมตร) จำนวนประชากร ประมาณ 6,664,900 คน โดยราว 2 ล้านคนอาศัยในย่านใจกลางเมือง (ประชากรในกรุงเทพประมาณ 6 ล้านคน)

    เมืองกวางเจาตั้งอยู่ปากแม่น้ำจูเจียง (Zujiang) มีความประวัติศาสตร์ ยาวนานกว่า 2,800 ปี เป็นจุดเริ่มของเส้นทางสายไหมทางทะเลใน ครั้งอดีตและยังเคยเป็นเมืองท่าเสรีแห่งแรกและแห่งเดียวที่เปิดต้อนรับชาว ตะวันตกที่เข้ามาติดต่อค้าขาย

    กวางเจาแม้จะเป็นศูนย์กลางในการปฏิรูปเศรษฐกิจจีน แต่กวางเจายังมีภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ที่ยาวนานในรูปสถาน ที่สำคัญต่าง ๆ ปัจจุบันกวางเจามีบทบาทเป็นเมืองในเขตเศรษฐกิจการค้า ที่มีความ เจริญรุ่งเรืองมากที่สุดในภาคใต้ของจีน และยังได้รับสถานะเป็น หนึ่งในสามเมืองท่าที่สำคัญที่สุดของจีน

    อุณหภูมิ
    กวางเจามีที่ตั้งอยู่ในเขตร้อนชื้นอุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงหน้าร้อน (ราวเดือนมิถุนายน - สิงหาคม) อยู่ที่ประมาณ 22 - 28 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงหน้าหนาว (ราวเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์) อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ13 องศาเซลเซียส

    ไม่เคยมีปรากฎการณ์เกิดน้ำแข็งจากความหนาว ส่วนอุณหภูมิเฉลี่ยสูงที่สุดในช่วงหน้าร้อนเท่าที่เคยมีการบันทึกไว้คือ 39 องศาเซลเซียส และ มักมีฝนตกชุกในช่วงหน้าร้อนมหาวิทยาลัยในกวางโจว

    พื้นที่ 2,020 ตารางกิโลเมตร (พื้นที่ประเทศไทย 517,000 ตารางกิโลเมตร, พื้นที่กรุงเทพ ฯ 560 ตารางกิโลเมตร)

    จำนวนประชากร ประมาณ 6,664,900 คน โดยราว 2 ล้านคนอาศัยในย่านใจกลางเมือง (ประชากรในกรุงเทพประมาณ 6 ล้านคน)

    เมืองกวางเจาตั้งอยู่ปากแม่น้ำจูเจียง (Zujiang) มีความประวัติศาสตร์ ยาวนานกว่า 2,800 ปี เป็นจุดเริ่มของเส้นทางสายไหมทางทะเลใน ครั้งอดีตและยังเคยเป็นเมืองท่าเสรีแห่งแรกและแห่งเดียวที่เปิดต้อนรับชาว ตะวันตกที่เข้ามาติดต่อค้าขาย

    กวางเจาแม้จะเป็นศูนย์กลางในการปฏิรูปเศรษฐกิจจีน แต่กวางเจายังมีภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ที่ยาวนานในรูปสถาน
    ที่สำคัญต่าง ๆ ปัจจุบันกวางเจามีบทบาทเป็นเมืองในเขตเศรษฐกิจการค้า ที่มีความ เจริญรุ่งเรืองมากที่สุดในภาคใต้ของจีน และยังได้รับสถานะเป็น หนึ่งในสามเมืองท่าที่สำคัญที่สุดของจีน
    อุณหภูมิ
    กวางเจามีที่ตั้งอยู่ในเขตร้อนชื้นอุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงหน้าร้อน (ราวเดือนมิถุนายน - สิงหาคม) อยู่ที่ประมาณ 22 - 28 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงหน้าหนาว (ราวเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์) อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ13 องศาเซลเซียส

    ไม่เคยมีปรากฎการณ์เกิดน้ำแข็งจากความหนาว ส่วนอุณหภูมิเฉลี่ยสูงที่สุดในช่วงหน้าร้อนเท่าที่เคยมีการบันทึกไว้คือ 39 องศาเซลเซียส และ มักมีฝนตกชุกในช่วงหน้าร้อน

    มหาวิทยาลัยในกวางโจว

    คุนหมิง (ฺKunming) คุนหมิง (ฺKunming) คุนหมิง (ฺKunming)

    เมืองคุนหมิง เป็นเมืองเอกของมณฑลหยุนหนานซึ่งตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ที่ 1,800 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีฐานะเป็นศูนย์กลางทางการติดต่อระหว่างจีนกับเอเชียอาคเนย์ มีความและยังเป็นหนึ่งในมณฑลของจีนที่มีทัศนีย ภาพสวยงาม หลากหลายด้วยพันธุ์พืช และดอกไม้ทำให้คุนหมิงเป็นเมืองที่มีศักยภาพในการเป็นเมืองอุตสาหกรรมด้าน การท่องเที่ยว คุนหมิง ถือได้ว่าเป็นเมืองที่เป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างพม่าโดยด้านตะวันตกติดกับประเทศพม่า ด้านใต้ติดกับประเทศลาวและเวียดนาม รวมทั้งสิ้นมีพรมแดนติดต่อถึงกันเป็นระยะทางยาว 4,060 กิโลเมตร เวียดนามและลาว จึงเป็นเมืองที่ถือได้ว่ามีความหลากหลายทั้งด้านวัฒนธรรม และเศรษฐกิจของคุนหมิงถือได้ว่ามีการเจริญเติบโตเป็นอันดับที่ 12 ในบรรดาเมืองทั้งหมดในสาธารณรัฐประชาชนจีน
    Public Transportation ( ระบบขนส่ง )

    รถเมล์
    รถเมล์ มีหลายสายให้เลือกขึ้น ซึ่งราคาจะอยู่ที่ประมาณ 1- 2 หยวนตลอดสาย

    รถแท็กซี
    รถแท็กซี่ เริ่มที่ 8 หยวน โดยรวมแล้วค่าโดยสารจะพอๆกับ แท็กซี่ที่เมืองไทย

    รถไฟ
    รถไฟ มีขบวนรถที่เชื่อมเมืองที่สำคัญ คือ ต้าลี่ เฉิงตู และเมืองอื่น ๆ

    สนามบิน
    สนามบินคุนหมิงอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง จากสนามบิน จะนั่งรถเมล์เข้าเมือง หรือจะนั่งรถ Taxi เข้าเมือง ประมาณ10หยวนกว่าๆ

    University

    ภูมิอากาศ คุณหมิงมณฑลตั้งอยู่ในมณฑลยูนนานซึ่งมีภูมิอากาศเย็นสบาย ฤดูหนาวอากาศไม่หนาวจัดและฤดูร้อนอากาศไม่ร้อนจัด อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีอยู่ระหว่าง 15-18 องศาเซลเซียส โดยแบ่งออกเป็น 4 ฤดูดังนี้
    - ฤดูใบไม้ผลิ เดือนมีนาคม – พฤษภาคม
    - ฤดูร้อน เดือนมิถุนายน –สิงหาคม
    - ฤดูใบไม้ร่วง เดือนกันยายน – พฤศจิกายน
    - ฤดูหนาว เดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์

    สถานที่ท่องเที่ยว
    อุทยานป่าหิน (Shilin National Park /石林 ) ในเมืองคุนหมิง จัดเป็นป่าหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกมีอาณาเขตกว้างขวางถึง 40,000 ไร่ ซึ่งสมัยก่อนเป็นเพียงหินปูนที่อยู่ใต้ผืนน้ำ แต่เมื่อเปลือกโลกเกิดการดันตัวสูงขึ้น จึงกลายเป็น ป่าหิน ที่ผุดขึ้นเหนือพื้นดินและการกัดเซาะของสายฝนที่ตกลงมา ทำให้หินมีรูปทรงแตกต่างกันไป


    วัดหยวนทง(Yuantong Temple/ 圆通寺) วัดแห่งนี้เป็นวัดที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในเมืองคุนหมิง สร้างมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถังมีอายุยาวนานประมาณ 1,200 กว่าปี แต่การสร้างวัดแห่งนี้ดูแล้วจะแปลกตากว่าวัดอื่นๆในจีน เพราะปกติแล้วการสร้างวัดของจีนส่วนมากจะต้องสร้างอยู่บนภูเขา แต่วัดหยวนทงสร้างวัดต่ำกว่าภูเขา โดยวิหารจะอยู่ต่ำที่สุด เนื่องจากวัดแห่งนี้ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นวัดโดยตรง แต่เคยเป็นศาลเจ้าแม่กวนอิมมาก่อน วัดหยวนทงที่เราเห็นอยู่นี้เป็นลักษณะของวัดในสมัยราชวงศ์ชิง เนื่องจากวัดนี้ได้ถูกทำลายในสมัยราชวงศ์หมิง และได้รับการบูรณะโดยอู๋ซานกุ้ย ในสมัยที่อู๋ซานกุ้ยมาปกครองที่คุนหมิง

    ตำหนักทอง (金殿) เป็นโบราณสถานที่สำคัญระดับชาติ ซึ่งสร้างในสมัยราชวงศ์ชิงระหว่างที่อู๋ซันกุ้ย เจ้าเมืองของมณฑลยูนนานปกครองอยู่ เป็นตำหนักที่ใหญ่ที่สุดที่หล่อด้วยโลหะเพียงอย่างเดียว

    เมืองคุนหมิง เป็นเมืองเอกของมณฑลหยุนหนานซึ่งตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ที่ 1,800 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีฐานะเป็นศูนย์กลางทางการติดต่อระหว่างจีนกับเอเชียอาคเนย์ มีความและยังเป็นหนึ่งในมณฑลของจีนที่มีทัศนีย ภาพสวยงาม หลากหลายด้วยพันธุ์พืช และดอกไม้ทำให้คุนหมิงเป็นเมืองที่มีศักยภาพในการเป็นเมืองอุตสาหกรรมด้าน การท่องเที่ยว คุนหมิง ถือได้ว่าเป็นเมืองที่เป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างพม่าโดยด้านตะวันตกติดกับประเทศพม่า ด้านใต้ติดกับประเทศลาวและเวียดนาม รวมทั้งสิ้นมีพรมแดนติดต่อถึงกันเป็นระยะทางยาว 4,060 กิโลเมตร เวียดนามและลาว จึงเป็นเมืองที่ถือได้ว่ามีความหลากหลายทั้งด้านวัฒนธรรม และเศรษฐกิจของคุนหมิงถือได้ว่ามีการเจริญเติบโตเป็นอันดับที่ 12 ในบรรดาเมืองทั้งหมดในสาธารณรัฐประชาชนจีน

    Public Transportation ( ระบบขนส่ง )

    รถเมล์
    รถเมล์ มีหลายสายให้เลือกขึ้น ซึ่งราคาจะอยู่ที่ประมาณ 1- 2 หยวนตลอดสาย

    รถแท็กซี
    รถแท็กซี่ เริ่มที่ 8 หยวน โดยรวมแล้วค่าโดยสารจะพอๆกับ แท็กซี่ที่เมืองไทย

    รถไฟ
    รถไฟ มีขบวนรถที่เชื่อมเมืองที่สำคัญ คือ ต้าลี่ เฉิงตู และเมืองอื่น ๆ

    สนามบิน
    สนามบินคุนหมิงอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง จากสนามบิน จะนั่งรถเมล์เข้าเมือง หรือจะนั่งรถ Taxi เข้าเมือง ประมาณ10หยวนกว่าๆ

    University

    ภูมิอากาศ คุณหมิงมณฑลตั้งอยู่ในมณฑลยูนนานซึ่งมีภูมิอากาศเย็นสบาย ฤดูหนาวอากาศไม่หนาวจัดและฤดูร้อนอากาศไม่ร้อนจัด อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีอยู่ระหว่าง 15-18 องศาเซลเซียส โดยแบ่งออกเป็น 4 ฤดูดังนี้

    - ฤดูใบไม้ผลิ เดือนมีนาคม – พฤษภาคม
    - ฤดูร้อน เดือนมิถุนายน –สิงหาคม
    - ฤดูใบไม้ร่วง เดือนกันยายน – พฤศจิกายน
    - ฤดูหนาว เดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์

    สถานที่ท่องเที่ยว
    อุทยานป่าหิน (Shilin National Park /石林 ) ในเมืองคุนหมิง จัดเป็นป่าหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกมีอาณาเขตกว้างขวางถึง 40,000 ไร่ ซึ่งสมัยก่อนเป็นเพียงหินปูนที่อยู่ใต้ผืนน้ำ แต่เมื่อเปลือกโลกเกิดการดันตัวสูงขึ้น จึงกลายเป็น ป่าหิน ที่ผุดขึ้นเหนือพื้นดินและการกัดเซาะของสายฝนที่ตกลงมา ทำให้หินมีรูปทรงแตกต่างกันไป

    วัดหยวนทง(Yuantong Temple/ 圆通寺) วัดแห่งนี้เป็นวัดที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในเมืองคุนหมิง สร้างมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถังมีอายุยาวนานประมาณ 1,200 กว่าปี แต่การสร้างวัดแห่งนี้ดูแล้วจะแปลกตากว่าวัดอื่นๆในจีน เพราะปกติแล้วการสร้างวัดของจีนส่วนมากจะต้องสร้างอยู่บนภูเขา แต่วัดหยวนทงสร้างวัดต่ำกว่าภูเขา โดยวิหารจะอยู่ต่ำที่สุด เนื่องจากวัดแห่งนี้ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นวัดโดยตรง แต่เคยเป็นศาลเจ้าแม่กวนอิมมาก่อน วัดหยวนทงที่เราเห็นอยู่นี้เป็นลักษณะของวัดในสมัยราชวงศ์ชิง เนื่องจากวัดนี้ได้ถูกทำลายในสมัยราชวงศ์หมิง และได้รับการบูรณะโดยอู๋ซานกุ้ย ในสมัยที่อู๋ซานกุ้ยมาปกครองที่คุนหมิง

    ตำหนักทอง (金殿) เป็นโบราณสถานที่สำคัญระดับชาติ ซึ่งสร้างในสมัยราชวงศ์ชิงระหว่างที่อู๋ซันกุ้ย เจ้าเมืองของมณฑลยูนนานปกครองอยู่ เป็นตำหนักที่ใหญ่ที่สุดที่หล่อด้วยโลหะเพียงอย่างเดียว

    เมืองคุนหมิง เป็นเมืองเอกของมณฑลหยุนหนานซึ่งตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ที่ 1,800 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีฐานะเป็นศูนย์กลางทางการติดต่อระหว่างจีนกับเอเชียอาคเนย์ มีความและยังเป็นหนึ่งในมณฑลของจีนที่มีทัศนีย ภาพสวยงาม หลากหลายด้วยพันธุ์พืช และดอกไม้ทำให้คุนหมิงเป็นเมืองที่มีศักยภาพในการเป็นเมืองอุตสาหกรรมด้าน การท่องเที่ยว คุนหมิง ถือได้ว่าเป็นเมืองที่เป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างพม่าโดยด้านตะวันตกติดกับประเทศพม่า ด้านใต้ติดกับประเทศลาวและเวียดนาม รวมทั้งสิ้นมีพรมแดนติดต่อถึงกันเป็นระยะทางยาว 4,060 กิโลเมตร เวียดนามและลาว จึงเป็นเมืองที่ถือได้ว่ามีความหลากหลายทั้งด้านวัฒนธรรม และเศรษฐกิจของคุนหมิงถือได้ว่ามีการเจริญเติบโตเป็นอันดับที่ 12 ในบรรดาเมืองทั้งหมดในสาธารณรัฐประชาชนจีน
    Public Transportation ( ระบบขนส่ง )

    รถเมล์
    รถเมล์ มีหลายสายให้เลือกขึ้น ซึ่งราคาจะอยู่ที่ประมาณ 1- 2 หยวนตลอดสาย

    รถแท็กซี
    รถแท็กซี่ เริ่มที่ 8 หยวน โดยรวมแล้วค่าโดยสารจะพอๆกับ แท็กซี่ที่เมืองไทย

    รถไฟ
    รถไฟ มีขบวนรถที่เชื่อมเมืองที่สำคัญ คือ ต้าลี่ เฉิงตู และเมืองอื่น ๆ

    สนามบิน
    สนามบินคุนหมิงอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง จากสนามบิน จะนั่งรถเมล์เข้าเมือง หรือจะนั่งรถ Taxi เข้าเมือง ประมาณ10หยวนกว่าๆ

    University

    ภูมิอากาศ คุณหมิงมณฑลตั้งอยู่ในมณฑลยูนนานซึ่งมีภูมิอากาศเย็นสบาย ฤดูหนาวอากาศไม่หนาวจัดและฤดูร้อนอากาศไม่ร้อนจัด อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีอยู่ระหว่าง 15-18 องศาเซลเซียส โดยแบ่งออกเป็น 4 ฤดูดังนี้
    - ฤดูใบไม้ผลิ เดือนมีนาคม – พฤษภาคม
    - ฤดูร้อน เดือนมิถุนายน –สิงหาคม
    - ฤดูใบไม้ร่วง เดือนกันยายน – พฤศจิกายน
    - ฤดูหนาว เดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์

    สถานที่ท่องเที่ยว
    อุทยานป่าหิน (Shilin National Park /石林 ) ในเมืองคุนหมิง จัดเป็นป่าหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกมีอาณาเขตกว้างขวางถึง 40,000 ไร่ ซึ่งสมัยก่อนเป็นเพียงหินปูนที่อยู่ใต้ผืนน้ำ แต่เมื่อเปลือกโลกเกิดการดันตัวสูงขึ้น จึงกลายเป็น ป่าหิน ที่ผุดขึ้นเหนือพื้นดินและการกัดเซาะของสายฝนที่ตกลงมา ทำให้หินมีรูปทรงแตกต่างกันไป


    วัดหยวนทง(Yuantong Temple/ 圆通寺) วัดแห่งนี้เป็นวัดที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในเมืองคุนหมิง สร้างมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถังมีอายุยาวนานประมาณ 1,200 กว่าปี แต่การสร้างวัดแห่งนี้ดูแล้วจะแปลกตากว่าวัดอื่นๆในจีน เพราะปกติแล้วการสร้างวัดของจีนส่วนมากจะต้องสร้างอยู่บนภูเขา แต่วัดหยวนทงสร้างวัดต่ำกว่าภูเขา โดยวิหารจะอยู่ต่ำที่สุด เนื่องจากวัดแห่งนี้ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นวัดโดยตรง แต่เคยเป็นศาลเจ้าแม่กวนอิมมาก่อน วัดหยวนทงที่เราเห็นอยู่นี้เป็นลักษณะของวัดในสมัยราชวงศ์ชิง เนื่องจากวัดนี้ได้ถูกทำลายในสมัยราชวงศ์หมิง และได้รับการบูรณะโดยอู๋ซานกุ้ย ในสมัยที่อู๋ซานกุ้ยมาปกครองที่คุนหมิง

    ตำหนักทอง (金殿) เป็นโบราณสถานที่สำคัญระดับชาติ ซึ่งสร้างในสมัยราชวงศ์ชิงระหว่างที่อู๋ซันกุ้ย เจ้าเมืองของมณฑลยูนนานปกครองอยู่ เป็นตำหนักที่ใหญ่ที่สุดที่หล่อด้วยโลหะเพียงอย่างเดียว

    มหาวิทยาลัยที่เปิดสอน University 大学
    ปักกิ่ง (Beijing) ปักกิ่ง (Beijing) ปักกิ่ง (Beijing)

    มหานครปักกิ่ง เป็นเมืองหลวงของสาธารณะรัฐประชาชนจีน มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน นับแต่ สมัยราชวงศ์หยวน สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน เป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมของจีน มีพื้นที่ประมาณ 16,800 ตารางกิโลเมตร (ใหญ่กว่ากรุงเทพ ฯ ประมาณ 30 เท่า) จำนวนประชากร ประมาณ 13 ล้านคน

    อุณหภูมิ
    ปักกิ่งมี 4 ฤดูกาลชัดเจน โดยฤดูหนาวในปักกิ่ง (่ราวเดือนธันวาคม - มีนาคม) ซึ่งอุณหภูมิมักต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส ขณะที่ฤดูร้อน (ราวเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม) และมีฝนตกบ่อย อุณหภูมิของปักกิ่งมีความแตกต่างกันสูงระหว่างหน้าร้อนและหน้าหนาว อุณหภูมิ ในหน้าร้อนอาจสูงสุดถึง 40 องศาเซลเซียส ขณะที่ในหน้าหนาวอุณหภูมิอาจลดลงถึง -20 องศาเซลเซียส ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามักมีพายุทรายพัดเอาฝุ่นทรายจากทางตอนเหนือเข้ามา ยังปักกิ่ง ในช่วงฤดูใบไม้ผลิราวเดือนเมษายนของทุกปี

    มหานครปักกิ่ง เป็นเมืองหลวงของสาธารณะรัฐประชาชนจีน มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน นับแต่ สมัยราชวงศ์หยวน สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน เป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมของจีน มีพื้นที่ประมาณ 16,800 ตารางกิโลเมตร (ใหญ่กว่ากรุงเทพ ฯ ประมาณ 30 เท่า) จำนวนประชากร ประมาณ 13 ล้านคน

    อุณหภูมิ
    ปักกิ่งมี 4 ฤดูกาลชัดเจน โดยฤดูหนาวในปักกิ่ง (่ราวเดือนธันวาคม - มีนาคม) ซึ่งอุณหภูมิมักต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส ขณะที่ฤดูร้อน (ราวเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม) และมีฝนตกบ่อย อุณหภูมิของปักกิ่งมีความแตกต่างกันสูงระหว่างหน้าร้อนและหน้าหนาว อุณหภูมิ ในหน้าร้อนอาจสูงสุดถึง 40 องศาเซลเซียส ขณะที่ในหน้าหนาวอุณหภูมิอาจลดลงถึง -20 องศาเซลเซียส ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามักมีพายุทรายพัดเอาฝุ่นทรายจากทางตอนเหนือเข้ามา ยังปักกิ่ง ในช่วงฤดูใบไม้ผลิราวเดือนเมษายนของทุกปี

    มหานครปักกิ่ง เป็นเมืองหลวงของสาธารณะรัฐประชาชนจีน มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน นับแต่ สมัยราชวงศ์หยวน สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน เป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมของจีน มีพื้นที่ประมาณ 16,800 ตารางกิโลเมตร (ใหญ่กว่ากรุงเทพ ฯ ประมาณ 30 เท่า) จำนวนประชากร ประมาณ 13 ล้านคน
    อุณหภูมิ
    ปักกิ่งมี 4 ฤดูกาลชัดเจน โดยฤดูหนาวในปักกิ่ง (่ราวเดือนธันวาคม - มีนาคม) ซึ่งอุณหภูมิมักต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส ขณะที่ฤดูร้อน (ราวเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม) และมีฝนตกบ่อย อุณหภูมิของปักกิ่งมีความแตกต่างกันสูงระหว่างหน้าร้อนและหน้าหนาว อุณหภูมิ ในหน้าร้อนอาจสูงสุดถึง 40 องศาเซลเซียส ขณะที่ในหน้าหนาวอุณหภูมิอาจลดลงถึง -20 องศาเซลเซียส ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามักมีพายุทรายพัดเอาฝุ่นทรายจากทางตอนเหนือเข้ามา ยังปักกิ่ง ในช่วงฤดูใบไม้ผลิราวเดือนเมษายนของทุกปี

     

  • หลักสูตรปริญญาตรี โท

     เมืองและมหาวิทยาลัยที่เปิดสอน

    หลักสูตรปริญญาตรี โท

     เมืองและมหาวิทยาลัยที่เปิดสอน

    หลักสูตรปริญญาตรี โท

     เมืองและมหาวิทยาลัยที่เปิดสอน

    ปักกิ่ง (Beijing) ปักกิ่ง (Beijing) ปักกิ่ง (Beijing)

    มหานครปักกิ่ง เป็นเมืองหลวงของสาธารณะรัฐประชาชนจีน มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน นับแต่ สมัยราชวงศ์หยวน สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน เป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมของจีน มีพื้นที่ประมาณ 16,800 ตารางกิโลเมตร (ใหญ่กว่ากรุงเทพ ฯ ประมาณ 30 เท่า) จำนวนประชากร ประมาณ 13 ล้านคน

    อุณหภูมิ
    ปักกิ่งมี 4 ฤดูกาลชัดเจน โดยฤดูหนาวในปักกิ่ง (่ราวเดือนธันวาคม - มีนาคม) ซึ่งอุณหภูมิมักต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส ขณะที่ฤดูร้อน (ราวเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม) และมีฝนตกบ่อย อุณหภูมิของปักกิ่งมีความแตกต่างกันสูงระหว่างหน้าร้อนและหน้าหนาว อุณหภูมิ ในหน้าร้อนอาจสูงสุดถึง 40 องศาเซลเซียส ขณะที่ในหน้าหนาวอุณหภูมิอาจลดลงถึง -20 องศาเซลเซียส ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามักมีพายุทรายพัดเอาฝุ่นทรายจากทางตอนเหนือเข้ามา ยังปักกิ่ง ในช่วงฤดูใบไม้ผลิราวเดือนเมษายนของทุกปี

    มหานครปักกิ่ง เป็นเมืองหลวงของสาธารณะรัฐประชาชนจีน มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน นับแต่ สมัยราชวงศ์หยวน สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน เป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมของจีน มีพื้นที่ประมาณ 16,800 ตารางกิโลเมตร (ใหญ่กว่ากรุงเทพ ฯ ประมาณ 30 เท่า) จำนวนประชากร ประมาณ 13 ล้านคน

    อุณหภูมิ
    ปักกิ่งมี 4 ฤดูกาลชัดเจน โดยฤดูหนาวในปักกิ่ง (่ราวเดือนธันวาคม - มีนาคม) ซึ่งอุณหภูมิมักต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส ขณะที่ฤดูร้อน (ราวเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม) และมีฝนตกบ่อย อุณหภูมิของปักกิ่งมีความแตกต่างกันสูงระหว่างหน้าร้อนและหน้าหนาว อุณหภูมิ ในหน้าร้อนอาจสูงสุดถึง 40 องศาเซลเซียส ขณะที่ในหน้าหนาวอุณหภูมิอาจลดลงถึง -20 องศาเซลเซียส ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามักมีพายุทรายพัดเอาฝุ่นทรายจากทางตอนเหนือเข้ามา ยังปักกิ่ง ในช่วงฤดูใบไม้ผลิราวเดือนเมษายนของทุกปี

    มหานครปักกิ่ง เป็นเมืองหลวงของสาธารณะรัฐประชาชนจีน มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน นับแต่ สมัยราชวงศ์หยวน สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน เป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมของจีน มีพื้นที่ประมาณ 16,800 ตารางกิโลเมตร (ใหญ่กว่ากรุงเทพ ฯ ประมาณ 30 เท่า) จำนวนประชากร ประมาณ 13 ล้านคน
    อุณหภูมิ
    ปักกิ่งมี 4 ฤดูกาลชัดเจน โดยฤดูหนาวในปักกิ่ง (่ราวเดือนธันวาคม - มีนาคม) ซึ่งอุณหภูมิมักต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส ขณะที่ฤดูร้อน (ราวเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม) และมีฝนตกบ่อย อุณหภูมิของปักกิ่งมีความแตกต่างกันสูงระหว่างหน้าร้อนและหน้าหนาว อุณหภูมิ ในหน้าร้อนอาจสูงสุดถึง 40 องศาเซลเซียส ขณะที่ในหน้าหนาวอุณหภูมิอาจลดลงถึง -20 องศาเซลเซียส ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามักมีพายุทรายพัดเอาฝุ่นทรายจากทางตอนเหนือเข้ามา ยังปักกิ่ง ในช่วงฤดูใบไม้ผลิราวเดือนเมษายนของทุกปี

     

    มหาวิทยาลัยที่เปิดสอน University 大学
  • Summer Camp

    Summer Camp

    Summer Camp

ข่าวสารและกิจกรรม News & Event 新闻中心
  • หลักสูตร : ปริญญาตรีศิลปศาสตร์เอกภาษาจีน หลักสูตร : ปริญญาตรีศิลปศาสตร์เอกภาษาจีน หลักสูตร : ปริญญาตรีศิลปศาสตร์เอกภาษาจีน

    หลักสูตร ปริญญาตรีศิลปศาสตร์เอกภาษาจีน   - เรียนโดยบรรยายภาษาจีน - ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานภาษาจีน (ขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัย) - ระยะเวลาเรียน 4 ปี - เรียนกับนักศึกษาชาวต่างชาติ   ลักษณะหลักสูตร หลักสูตรปริญญาตรี เอกภาษาจีนใช้ระยะเวลา 4 ปี  ระยะเวลาเรียน 4 ปี โดยในช่วงการเรียนชั้นปีที่ 1 - 2  จะเรียนภาษาจีนพื้นฐานส่วนชั้นปีที่ 3-4 นักศึกษาเลือกเรียนตามสาขาที่เลือกเรียน (ขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัย) การรับสมัคร สำหรับเทอมกันยายน สมัครก่อนสิ้นเดือนพฤษภาคม*   สำหรับเทอมมีนาคม สมัครก่อนสิ้นเดือน พฤศจิกายน*   *อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัย เงื่อนไขการรับสมัคร จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมปลาย และมีผลสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีน (HSK) มหาวิทยาลัย         University of International Business and Economics  เมืองปักกิ่ง   Beijing Foreign Studies University เมืองปักกิ่ง   Communication University of China ( CUC ) เมืองปักกิ่ง   Beihang University เมืองปักกิ่ง   Yunnan Normal University เมืองคุนหมิง   SOUTH CHINA NORMAL UNIVERSITY เมืองกวางโจว   GUANGDONG UNIVERSITY OF FOREIGN STUDIES เมืองกวางโจว   EAST CHINA NORMAL UNIVERSITY เมืองเซี่ยงไฮ้   SHANGHAI INTERNATIONAL STUDIES UNIVERSITY เมืองเซี่ยงไฮ้   GUANGXI UNIVERSITY FOR NATIONALITIES เมืองหนานหนิง     สอบถามและสมัครเรียน   ติดต่อได้ที่ Friendship International Education โทร 02-258-7771-2 / 095-250-9820 หลักสูตร ปริญญาตรีศิลปศาสตร์เอกภาษาจีน   - เรียนโดยบรรยายภาษาจีน - ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานภาษาจีน (ขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัย) - ระยะเวลาเรียน 4 ปี - เรียนกับนักศึกษาชาวต่างชาติ   ลักษณะหลักสูตร หลักสูตรปริญญาตรี เอกภาษาจีนใช้ระยะเวลา 4 ปี  ระยะเวลาเรียน 4 ปี โดยในช่วงการเรียนชั้นปีที่ 1 - 2  จะเรียนภาษาจีนพื้นฐานส่วนชั้นปีที่ 3-4 นักศึกษาเลือกเรียนตามสาขาที่เลือกเรียน (ขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัย) การรับสมัคร สำหรับเทอมกันยายน สมัครก่อนสิ้นเดือนพฤษภาคม*   สำหรับเทอมมีนาคม สมัครก่อนสิ้นเดือน พฤศจิกายน*   *อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัย เงื่อนไขการรับสมัคร จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมปลาย และมีผลสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีน (HSK) มหาวิทยาลัย         University of International Business and Economics  เมืองปักกิ่ง   Beijing Foreign Studies University เมืองปักกิ่ง   Communication University of China ( CUC ) เมืองปักกิ่ง   Beihang University เมืองปักกิ่ง   Yunnan Normal University เมืองคุนหมิง   SOUTH CHINA NORMAL UNIVERSITY เมืองกวางโจว   GUANGDONG UNIVERSITY OF FOREIGN STUDIES เมืองกวางโจว   EAST CHINA NORMAL UNIVERSITY เมืองเซี่ยงไฮ้   SHANGHAI INTERNATIONAL STUDIES UNIVERSITY เมืองเซี่ยงไฮ้   GUANGXI UNIVERSITY FOR NATIONALITIES เมืองหนานหนิง     สอบถามและสมัครเรียน   ติดต่อได้ที่ Friendship International Education โทร 02-258-7771-2 / 095-250-9820 หลักสูตร ปริญญาตรีศิลปศาสตร์เอกภาษาจีน   - เรียนโดยบรรยายภาษาจีน - ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานภาษาจีน (ขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัย) - ระยะเวลาเรียน 4 ปี - เรียนกับนักศึกษาชาวต่างชาติ   ลักษณะหลักสูตร หลักสูตรปริญญาตรี เอกภาษาจีนใช้ระยะเวลา 4 ปี  ระยะเวลาเรียน 4 ปี โดยในช่วงการเรียนชั้นปีที่ 1 - 2  จะเรียนภาษาจีนพื้นฐานส่วนชั้นปีที่ 3-4 นักศึกษาเลือกเรียนตามสาขาที่เลือกเรียน (ขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัย) การรับสมัคร สำหรับเทอมกันยายน สมัครก่อนสิ้นเดือนพฤษภาคม*   สำหรับเทอมมีนาคม สมัครก่อนสิ้นเดือน พฤศจิกายน*   *อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัย เงื่อนไขการรับสมัคร จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมปลาย และมีผลสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีน (HSK) มหาวิทยาลัย         University of International Business and Economics  เมืองปักกิ่ง   Beijing Foreign Studies University เมืองปักกิ่ง   Communication University of China ( CUC ) เมืองปักกิ่ง   Beihang University เมืองปักกิ่ง   Yunnan Normal University เมืองคุนหมิง   SOUTH CHINA NORMAL UNIVERSITY เมืองกวางโจว   GUANGDONG UNIVERSITY OF FOREIGN STUDIES เมืองกวางโจว   EAST CHINA NORMAL UNIVERSITY เมืองเซี่ยงไฮ้   SHANGHAI INTERNATIONAL STUDIES UNIVERSITY เมืองเซี่ยงไฮ้   GUANGXI UNIVERSITY FOR NATIONALITIES เมืองหนานหนิง     สอบถามและสมัครเรียน   ติดต่อได้ที่ Friendship International Education โทร 02-258-7771-2 / 095-250-9820

    อ่านต่อ..More..继续阅读..
    • ประสบการณ์ชีวิตนักศึกษาทุน 4 ปีที่เมืองเซี่ยงไฮ้ (Shanghai)

      ประสบการณ์ชีวิตนักศึกษาทุน 4 ปีที่เมืองเซี่ยงไฮ้ (Shanghai) ประสบการณ์ชีวิตนักศึกษาทุน 4 ปีที่เมืองเซี่ยงไฮ้ (Shanghai ประสบการณ์ชีวิตนักศึกษาทุน 4 ปีที่เมืองเซี่ยงไฮ้ (Shanghai

      สวัสดีทุกคนเรา ชื่อ อิง เป็นนักเรียนทุนรัฐบาลเซี่ยงไฮ้ ประเภท B ปี 2011 ได้รับทุนโดยผ่านการคัดเลือกของสถาบัน Friendship International Education ค่ะ    “เซี่ยงไฮ้” ตอนอยู่ มัธยมปลาย เราไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับเซี่ยงไฮ้เลยค่ะ รู้แค่เป็นเมืองหนึ่งของประเทศจีน จนได้มีโอกาสดูละครเรื่อง “เธอกับเขา และรักของเรา” ช่วงแรกก็ยังดูผ่านๆ ไม่ได้ สนใจอะไร จนวันนึง เมื่อได้รับโอกาส รู้ว่าเราจะได้รับทุนไปเรียนต่อที่เซี่ยงไฮ้เลยเริ่มศึกษามากขึ้น ผลออกตอนเดือนกุมภาพันธ์ แต่เปิดเทอมเดือนกันยายน มีเวลาเตรียมตัวนานพอสมควร แต่ก็ยัง รู้สึกว่าเรายังไม่พร้อมเท่าไหร่ เดือนหลังๆ ก่อนจะบินร้องไห้ทุกวัน จนถึงวันที่ออกเดินทาง   ก้าวแรก เมื่อแตะสนามบินผู่ตง ใจก็คิดแล้วหล่ะ  "ต่อไปนี้ไม่มีภาษาไทยแล้วนะ" ตื่นเต้นมาก ทางสถาบัน Friendship ได้ติดต่อแท็กซี่เอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว พอเดินออกมาก็เจอคนขับรถถือป้าย รอเราอยู่แล้ว พอออกจากสนามบินก็นั่งมองวิวตลอดทาง (ถึงแม้ว่าง่วงมาก เนื่องจากบินไฟล์ดึก) พอถึงหอพักเราก็ไปติดต่อกับพนักงาน ซึ่งคุยกันไม่รู้เรื่องเลย เค้าไม่เข้าใจในภาษาจีนที่เราพูด  ส่วนสิ่งที่เค้าพูดมาเราก็ไม่เข้าใจ เราเลยพูด ภาษาอังกฤษไปแทนเค้า ทีนี้เค้าเดินหนีเราไปเลยน้ำตาจะไหล ในความคิดตอนนั้นแบบทำไมเป็นแบบนี้นะเราจะเอาชีวิตรอดไหม พอเราจัดการเรื่อง หอพักเสร็จแล้วก็ไปมหาวิทยาลัยต่อเลยค่ะ   มหาวิทยาลัยที่เราได้ทุนเรียนคือ 上海外国语大学 เรียกสั้นๆว่า (上外) ซึ่งหอพักก็อยู่ในรั้วเดียวกับมหาวิทยาลัยค่ะ ใช้เวลาเดินจากหอพักไปตึกเรียน ประมาณ 5 นาที แต่เริ่มวันแรกก็เดินหลงทาง แล้วค่ะ วนไปวนมาอยู่นานกว่าจะหาตึกเจอ พอถึงตึกปุ๊บก็ไปรายงานตัวค่ะ ซึ่งมีนักศึกษามารายงานตัวเยอะมากมากันเป็นกรุ๊ปๆ มีทั้งโดนแซงคิว โดนชน ทำให้มีเสียความรู้สึกบ้างค่ะ แต่ในที่สุดก็มี คนมาสนใจหนูสักที (ซึ่งตอนหลังเพิ่งจะเข้าใจว่า เค้าแบ่งครูกัน ชาติอะไร ต้องไปหาคุณครูคนไหน อะไรแบบนี้) คุณครูที่รับเรื่องเราก็น่ารักค่ะ อธิบายทุกอย่าง แต่ด้วยความที่เขาพูดเร็วเราก็เริ่มฟัง ไม่ทันเริ่มงงค่ะ พอเขารับรู้ได้ถึงความสับสนบนใบหน้าเรา เขาก็เริ่มเปลี่ยนมาเป็นอธิบายโดยใช้ภาษาอังกฤษค่ะ ซี่งเอาจริงแล้วงงกว่าเก่าอีกค่ะ จนต้องทำเป็นว่าเข้าใจแล้วค่ะ แล้วก็รีบกลับหอมา นั่งเปิดดิกเอาทุกตัวเลยค่ะ ซึ่งวันรุ่งขึ้นก็มีการสอบวัดระดับภาษาจีนก่อนเริ่มเรียนด้วยค่ะ (ซึ่งนักศึกษาที่มีคะแนนดี และมีผลสอบ HSK5 ขึ้นไป จะได้เรียนห้อง 8 ค่ะ ห้องนี้ถ้าสอบผ่านสามารถข้าม ชั้นไปเรียนปี 2 ได้เลยค่ะ ประหยัดเวลาไปปีนึง)    หอพักที่เราอยู่ ชื่อว่า 上外迎宾馆 เป็นหอที่เรียกได้ว่า ดีที่สุดของมหาวิทยาลัย และดีที่สุดในบรรดาหอพักทั้งหมดของมหาวิทยาลัยในเซี่ยงไฮ้ (ณ ตอนนั้นปี 2011) ด้วยความที่หอพักเพิ่งจะ รีโนเวท แต่คืนแรกก็เจอเรื่องตื่นเต้นแล้วปรากฏว่าไฟดับแล้วก็มีเสียง ระเบิดดังปั้งทุกอย่างก็อยู่ในความมืดมิดต้องเดินลงมาแจ้งที่ชั้น 1 ก็พูดภาษาจีนผสมภาษาไทยมั่วไปหมดเลยค่ะ จนมีช่างมา ซ่อม (เทอมแรกที่อยู่ในหอพัก อุปกรณ์ทุกอย่างเสียบ่อยมาก เหมือนจะยังไม่ลงตัว ได้เจอกับพวกช่างซ่อมต่างๆ ทุกวัน ได้ฝึกภาษาจีนกับพวกช่างซ่อมนี่แหละค่ะ)   ซิม เป็นปัญหาที่ถือว่าใหญ่มากๆ หาซื้อไม่ได้เดินถามใครเค้า ก็ไม่มีใครเข้าใจ เดินหนีทุกคน จนได้เจอกับเด็กมัธยมคนนึง คือ ช่วยเราแบบเต็มที่ ภาษาก็คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่เค้าก็ช่วยเต็มที่เลย ค่ะ แต่ก็ยังหาซื้อไม่ได้ จนสุดท้ายก็เดินวนไปวนมาจนหาซื้อได้ แต่โทรกลับไทยไม่ได้อีก โชคดีที่มีเพื่อนอยู่ที่ชิงเต่า เคยให้เบอร์ไว้ก่อนที่จะบินมาจีน โทรหาเลยค่ะ เพื่อนรับปุ๊บ ร้องไห้อย่างเดียว ไปประมาณ 5 นาที ร้องจนเพื่อนบอกว่าหยุดร้องเหอะ เราจะร้องตามแล้วนะ ก็ฝืนจนหยุดร้องได้ เพื่อนเลยโทรกลับไทยให้ ให้คุณแม่หาวิธีโทรมาหาเรา พอเห็นเบอร์คุณแม่ปุ๊บ น้ำตาก็ไหลอีกแล้ว ค่ะ ร้องไห้จะกลับบ้านอย่างเดียว แล้วคุณแม่ก็จะโทรมาหาเราทุกวัน เราก็ร้องไห้ทุกวัน ร้องจนคุณแม่บอกให้บินกลับมาก่อน แล้วค่อยบินกลับมาใหม่พร้อมเพื่อน (อีก 4 วันข้างหน้า) ซึ่งส่วนตัวแล้ว ถ้ากลับไทยมาก็ร้องไห้ใหม่อีก เปลืองตังค่าตั๋วอีกเลยทำใจแข็งไม่กลับ แต่ก็ร้องไห้ทุกวัน วันละ 7 รอบ จนเพื่อนมานั่นแหละค่ะ เลยหยุดร้อง แต่ก็ร้องไห้ทุกรอบที่ต้องบินกลับไปนะ ฮ่าๆๆๆ     มหาวิทยาลัยที่เราเรียนจะแบ่งออกเป็น 2 แคมปัส คือ วิทยาเขตซงเจียง (ป.ตรี นักศึกษาจีน) และ วิทยาเขตหงโข่ว (ป.ตรี นักศึกษาต่างชาติ ป.โท ป.เอกและนักศึกษาที่มาเรียนภาษา) พอเปิด เทอมวันแรกได้เจอเพื่อนๆ อารมณ์เหงาๆ คิดถึงบ้านก็หมดไปค่ะ ในห้องมีญี่ปุ่น 7 คน เกาหลี 4 คน คาซัคสถาน 3 คน ไทย 2 คน อเมริกา 1 คน ชิลี 1 คน รัสเซีย 1 คน เวลาเรียนมีไม่เข้าใจบ้าง มี งงบ้าง แต่เหล่าซือใจดีทุกคนค่ะ ที่นี่ทุกห้องจะต้องมีครูประจำชั้นค่ะ เวลามีปัญหาก็ได้ครูประจำชั้นเนี่ยหล่ะค่ะ ที่คอยจัดการแก้ไขปัญหาให้     มหาวิทยาลัยมีกิจกรรมสำหรับเด็กต่างชาติไม่ค่อยเยอะ (แต่ปัจจุบันเยอะมากค่ะ) หลักๆก็คือ การแข่งขันพูดสุนทรพจน์ การแข่งขันร้องเพลงจีน การแข่งขันเขียนเรียงความภาษาจีน กิจกรรมวัน คริสต์มาส เป็นต้น ซึ่งถ้าเราชนะมีเงินรางวัลมอบให้ด้วยค่ะ      เรื่องการใช้ชีวิตในเซี่ยงไฮ้ จริงๆการใช้ชีวิตในเซี่ยงไฮ้ นับว่า สบายที่สุดในเมืองจีนแล้วหล่ะค่ะ การเดินทางสะดวกสบาย อาหารการกินครบ และเป็นเมืองที่คนไทยเยอะมากๆ เดินไปทางไหนก็เจอ คนไทย จนนึกว่ายังอยู่ประเทศไทย และที่เซี่ยงไฮ้ ก็มีสมาคมนักเรียนไทยด้วยค่ะ ซึ่งเราเป็นหัวหน้าฝ่ายทะเบียนของสมาคมนักเรียนไทยรุ่นที่ 5 ซึ่งจะมีการเปลี่ยนทุกๆ ปี ทางสมาคมฯ จะจัดกิจกร รมหลักๆ ได้แก่ กิจกรรมวันสงกรานต์ กิจกรรมปฐมนิเทศ กิจกรรมวันลอยกระทง ซึ่งกิจกรรมเทศกาลของไทยนั้น ชาวต่างชาติสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ เป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยไปในตัว     ปัจจุบันเราเรียนจบกลับมาทำงานที่เมืองไทยแล้วค่ะ ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ดีๆ ตลอดทั้ง 4 ปีที่ผ่านมา ขอบคุณทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต มีทั้งดีและไม่ดี (แต่ส่วนมากจะดี) การไปใช้ชีวิต อยู่ต่างประเทศ 4 ปีนั้น ทำให้เราโตขึ้น ความคิดเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ช่วยเหลือตัวเอง ตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง ถ้าใครมาถามว่าไปเรียนต่อจีนดีมั้ย จะรอดมั้ย เราจะตอบกลับทันทีค่ะ เราอายุ 18 ยังผ่านมาได้ ไปเถอะค่ะ ประสบการณ์ดีๆรอคุณอยู่    และทั้งหมดนี้ก็คือ ประสบการณ์ของน้องอิง ที่อยากถ่ายทอดให้เพื่อนๆ น้องๆ ที่กำลังจะเดินจะเดินทางไปศึกษาต่อประเทศจีน หวังว่าจะได้ประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ  เรียบเรียงโดย สถาบัน Friendship International Education       สวัสดีทุกคนเรา ชื่อ อิง เป็นนักเรียนทุนรัฐบาลเซี่ยงไฮ้ ประเภท B ปี 2011 ได้รับทุนโดยผ่านการคัดเลือกของสถาบัน Friendship International Education ค่ะ    “เซี่ยงไฮ้” ตอนอยู่ มัธยมปลาย เราไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับเซี่ยงไฮ้เลยค่ะ รู้แค่เป็นเมืองหนึ่งของประเทศจีน จนได้มีโอกาสดูละครเรื่อง “เธอกับเขา และรักของเรา” ช่วงแรกก็ยังดูผ่านๆ ไม่ได้ สนใจอะไร จนวันนึง เมื่อได้รับโอกาส รู้ว่าเราจะได้รับทุนไปเรียนต่อที่เซี่ยงไฮ้เลยเริ่มศึกษามากขึ้น ผลออกตอนเดือนกุมภาพันธ์ แต่เปิดเทอมเดือนกันยายน มีเวลาเตรียมตัวนานพอสมควร แต่ก็ยัง รู้สึกว่าเรายังไม่พร้อมเท่าไหร่ เดือนหลังๆ ก่อนจะบินร้องไห้ทุกวัน จนถึงวันที่ออกเดินทาง   ก้าวแรก เมื่อแตะสนามบินผู่ตง ใจก็คิดแล้วหล่ะ  "ต่อไปนี้ไม่มีภาษาไทยแล้วนะ" ตื่นเต้นมาก ทางสถาบัน Friendship ได้ติดต่อแท็กซี่เอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว พอเดินออกมาก็เจอคนขับรถถือป้าย รอเราอยู่แล้ว พอออกจากสนามบินก็นั่งมองวิวตลอดทาง (ถึงแม้ว่าง่วงมาก เนื่องจากบินไฟล์ดึก) พอถึงหอพักเราก็ไปติดต่อกับพนักงาน ซึ่งคุยกันไม่รู้เรื่องเลย เค้าไม่เข้าใจในภาษาจีนที่เราพูด  ส่วนสิ่งที่เค้าพูดมาเราก็ไม่เข้าใจ เราเลยพูด ภาษาอังกฤษไปแทนเค้า ทีนี้เค้าเดินหนีเราไปเลยน้ำตาจะไหล ในความคิดตอนนั้นแบบทำไมเป็นแบบนี้นะเราจะเอาชีวิตรอดไหม พอเราจัดการเรื่อง หอพักเสร็จแล้วก็ไปมหาวิทยาลัยต่อเลยค่ะ   มหาวิทยาลัยที่เราได้ทุนเรียนคือ 上海外国语大学 เรียกสั้นๆว่า (上外) ซึ่งหอพักก็อยู่ในรั้วเดียวกับมหาวิทยาลัยค่ะ ใช้เวลาเดินจากหอพักไปตึกเรียน ประมาณ 5 นาที แต่เริ่มวันแรกก็เดินหลงทาง แล้วค่ะ วนไปวนมาอยู่นานกว่าจะหาตึกเจอ พอถึงตึกปุ๊บก็ไปรายงานตัวค่ะ ซึ่งมีนักศึกษามารายงานตัวเยอะมากมากันเป็นกรุ๊ปๆ มีทั้งโดนแซงคิว โดนชน ทำให้มีเสียความรู้สึกบ้างค่ะ แต่ในที่สุดก็มี คนมาสนใจหนูสักที (ซึ่งตอนหลังเพิ่งจะเข้าใจว่า เค้าแบ่งครูกัน ชาติอะไร ต้องไปหาคุณครูคนไหน อะไรแบบนี้) คุณครูที่รับเรื่องเราก็น่ารักค่ะ อธิบายทุกอย่าง แต่ด้วยความที่เขาพูดเร็วเราก็เริ่มฟัง ไม่ทันเริ่มงงค่ะ พอเขารับรู้ได้ถึงความสับสนบนใบหน้าเรา เขาก็เริ่มเปลี่ยนมาเป็นอธิบายโดยใช้ภาษาอังกฤษค่ะ ซี่งเอาจริงแล้วงงกว่าเก่าอีกค่ะ จนต้องทำเป็นว่าเข้าใจแล้วค่ะ แล้วก็รีบกลับหอมา นั่งเปิดดิกเอาทุกตัวเลยค่ะ ซึ่งวันรุ่งขึ้นก็มีการสอบวัดระดับภาษาจีนก่อนเริ่มเรียนด้วยค่ะ (ซึ่งนักศึกษาที่มีคะแนนดี และมีผลสอบ HSK5 ขึ้นไป จะได้เรียนห้อง 8 ค่ะ ห้องนี้ถ้าสอบผ่านสามารถข้าม ชั้นไปเรียนปี 2 ได้เลยค่ะ ประหยัดเวลาไปปีนึง)    หอพักที่เราอยู่ ชื่อว่า 上外迎宾馆 เป็นหอที่เรียกได้ว่า ดีที่สุดของมหาวิทยาลัย และดีที่สุดในบรรดาหอพักทั้งหมดของมหาวิทยาลัยในเซี่ยงไฮ้ (ณ ตอนนั้นปี 2011) ด้วยความที่หอพักเพิ่งจะ รีโนเวท แต่คืนแรกก็เจอเรื่องตื่นเต้นแล้วปรากฏว่าไฟดับแล้วก็มีเสียง ระเบิดดังปั้งทุกอย่างก็อยู่ในความมืดมิดต้องเดินลงมาแจ้งที่ชั้น 1 ก็พูดภาษาจีนผสมภาษาไทยมั่วไปหมดเลยค่ะ จนมีช่างมา ซ่อม (เทอมแรกที่อยู่ในหอพัก อุปกรณ์ทุกอย่างเสียบ่อยมาก เหมือนจะยังไม่ลงตัว ได้เจอกับพวกช่างซ่อมต่างๆ ทุกวัน ได้ฝึกภาษาจีนกับพวกช่างซ่อมนี่แหละค่ะ)   ซิม เป็นปัญหาที่ถือว่าใหญ่มากๆ หาซื้อไม่ได้เดินถามใครเค้า ก็ไม่มีใครเข้าใจ เดินหนีทุกคน จนได้เจอกับเด็กมัธยมคนนึง คือ ช่วยเราแบบเต็มที่ ภาษาก็คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่เค้าก็ช่วยเต็มที่เลย ค่ะ แต่ก็ยังหาซื้อไม่ได้ จนสุดท้ายก็เดินวนไปวนมาจนหาซื้อได้ แต่โทรกลับไทยไม่ได้อีก โชคดีที่มีเพื่อนอยู่ที่ชิงเต่า เคยให้เบอร์ไว้ก่อนที่จะบินมาจีน โทรหาเลยค่ะ เพื่อนรับปุ๊บ ร้องไห้อย่างเดียว ไปประมาณ 5 นาที ร้องจนเพื่อนบอกว่าหยุดร้องเหอะ เราจะร้องตามแล้วนะ ก็ฝืนจนหยุดร้องได้ เพื่อนเลยโทรกลับไทยให้ ให้คุณแม่หาวิธีโทรมาหาเรา พอเห็นเบอร์คุณแม่ปุ๊บ น้ำตาก็ไหลอีกแล้ว ค่ะ ร้องไห้จะกลับบ้านอย่างเดียว แล้วคุณแม่ก็จะโทรมาหาเราทุกวัน เราก็ร้องไห้ทุกวัน ร้องจนคุณแม่บอกให้บินกลับมาก่อน แล้วค่อยบินกลับมาใหม่พร้อมเพื่อน (อีก 4 วันข้างหน้า) ซึ่งส่วนตัวแล้ว ถ้ากลับไทยมาก็ร้องไห้ใหม่อีก เปลืองตังค่าตั๋วอีกเลยทำใจแข็งไม่กลับ แต่ก็ร้องไห้ทุกวัน วันละ 7 รอบ จนเพื่อนมานั่นแหละค่ะ เลยหยุดร้อง แต่ก็ร้องไห้ทุกรอบที่ต้องบินกลับไปนะ ฮ่าๆๆๆ     มหาวิทยาลัยที่เราเรียนจะแบ่งออกเป็น 2 แคมปัส คือ วิทยาเขตซงเจียง (ป.ตรี นักศึกษาจีน) และ วิทยาเขตหงโข่ว (ป.ตรี นักศึกษาต่างชาติ ป.โท ป.เอกและนักศึกษาที่มาเรียนภาษา) พอเปิด เทอมวันแรกได้เจอเพื่อนๆ อารมณ์เหงาๆ คิดถึงบ้านก็หมดไปค่ะ ในห้องมีญี่ปุ่น 7 คน เกาหลี 4 คน คาซัคสถาน 3 คน ไทย 2 คน อเมริกา 1 คน ชิลี 1 คน รัสเซีย 1 คน เวลาเรียนมีไม่เข้าใจบ้าง มี งงบ้าง แต่เหล่าซือใจดีทุกคนค่ะ ที่นี่ทุกห้องจะต้องมีครูประจำชั้นค่ะ เวลามีปัญหาก็ได้ครูประจำชั้นเนี่ยหล่ะค่ะ ที่คอยจัดการแก้ไขปัญหาให้     มหาวิทยาลัยมีกิจกรรมสำหรับเด็กต่างชาติไม่ค่อยเยอะ (แต่ปัจจุบันเยอะมากค่ะ) หลักๆก็คือ การแข่งขันพูดสุนทรพจน์ การแข่งขันร้องเพลงจีน การแข่งขันเขียนเรียงความภาษาจีน กิจกรรมวัน คริสต์มาส เป็นต้น ซึ่งถ้าเราชนะมีเงินรางวัลมอบให้ด้วยค่ะ      เรื่องการใช้ชีวิตในเซี่ยงไฮ้ จริงๆการใช้ชีวิตในเซี่ยงไฮ้ นับว่า สบายที่สุดในเมืองจีนแล้วหล่ะค่ะ การเดินทางสะดวกสบาย อาหารการกินครบ และเป็นเมืองที่คนไทยเยอะมากๆ เดินไปทางไหนก็เจอ คนไทย จนนึกว่ายังอยู่ประเทศไทย และที่เซี่ยงไฮ้ ก็มีสมาคมนักเรียนไทยด้วยค่ะ ซึ่งเราเป็นหัวหน้าฝ่ายทะเบียนของสมาคมนักเรียนไทยรุ่นที่ 5 ซึ่งจะมีการเปลี่ยนทุกๆ ปี ทางสมาคมฯ จะจัดกิจกร รมหลักๆ ได้แก่ กิจกรรมวันสงกรานต์ กิจกรรมปฐมนิเทศ กิจกรรมวันลอยกระทง ซึ่งกิจกรรมเทศกาลของไทยนั้น ชาวต่างชาติสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ เป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยไปในตัว       ปัจจุบันเราเรียนจบกลับมาทำงานที่เมืองไทยแล้วค่ะ ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ดีๆ ตลอดทั้ง 4 ปีที่ผ่านมา ขอบคุณทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต มีทั้งดีและไม่ดี (แต่ส่วนมากจะดี) การไปใช้ชีวิต อยู่ต่างประเทศ 4 ปีนั้น ทำให้เราโตขึ้น ความคิดเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ช่วยเหลือตัวเอง ตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง ถ้าใครมาถามว่าไปเรียนต่อจีนดีมั้ย จะรอดมั้ย เราจะตอบกลับทันทีค่ะ เราอายุ 18 ยังผ่านมาได้  ไปเถอะค่ะ ประสบการณ์ดีๆรอคุณอยู่    และทั้งหมดนี้ก็คือ ประสบการณ์ของน้องอิง ที่อยากถ่ายทอดให้เพื่อนๆ น้องๆ ที่กำลังจะเดินจะเดินทางไปศึกษาต่อประเทศจีน หวังว่าจะได้ประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ  เรียบเรียงโดย สถาบัน Friendship International Education     สวัสดีทุกคนเรา ชื่อ อิง เป็นนักเรียนทุนรัฐบาลเซี่ยงไฮ้ ประเภท B ปี 2011 ได้รับทุนโดยผ่านการคัดเลือกของสถาบัน Friendship International Education ค่ะ    “เซี่ยงไฮ้” ตอนอยู่ มัธยมปลาย เราไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับเซี่ยงไฮ้เลยค่ะ รู้แค่เป็นเมืองหนึ่งของประเทศจีน จนได้มีโอกาสดูละครเรื่อง “เธอกับเขา และรักของเรา” ช่วงแรกก็ยังดูผ่านๆ ไม่ได้ สนใจอะไร จนวันนึง เมื่อได้รับโอกาส รู้ว่าเราจะได้รับทุนไปเรียนต่อที่เซี่ยงไฮ้เลยเริ่มศึกษามากขึ้น ผลออกตอนเดือนกุมภาพันธ์ แต่เปิดเทอมเดือนกันยายน มีเวลาเตรียมตัวนานพอสมควร แต่ก็ยัง รู้สึกว่าเรายังไม่พร้อมเท่าไหร่ เดือนหลังๆ ก่อนจะบินร้องไห้ทุกวัน จนถึงวันที่ออกเดินทาง   ก้าวแรก เมื่อแตะสนามบินผู่ตง ใจก็คิดแล้วหล่ะ  "ต่อไปนี้ไม่มีภาษาไทยแล้วนะ" ตื่นเต้นมาก ทางสถาบัน Friendship ได้ติดต่อแท็กซี่เอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว พอเดินออกมาก็เจอคนขับรถถือป้าย รอเราอยู่แล้ว พอออกจากสนามบินก็นั่งมองวิวตลอดทาง (ถึงแม้ว่าง่วงมาก เนื่องจากบินไฟล์ดึก) พอถึงหอพักเราก็ไปติดต่อกับพนักงาน ซึ่งคุยกันไม่รู้เรื่องเลย เค้าไม่เข้าใจในภาษาจีนที่เราพูด  ส่วนสิ่งที่เค้าพูดมาเราก็ไม่เข้าใจ เราเลยพูด ภาษาอังกฤษไปแทนเค้า ทีนี้เค้าเดินหนีเราไปเลยน้ำตาจะไหล ในความคิดตอนนั้นแบบทำไมเป็นแบบนี้นะเราจะเอาชีวิตรอดไหม พอเราจัดการเรื่อง หอพักเสร็จแล้วก็ไปมหาวิทยาลัยต่อเลยค่ะ   มหาวิทยาลัยที่เราได้ทุนเรียนคือ 上海外国语大学 เรียกสั้นๆว่า (上外) ซึ่งหอพักก็อยู่ในรั้วเดียวกับมหาวิทยาลัยค่ะ ใช้เวลาเดินจากหอพักไปตึกเรียน ประมาณ 5 นาที แต่เริ่มวันแรกก็เดินหลงทาง แล้วค่ะ วนไปวนมาอยู่นานกว่าจะหาตึกเจอ พอถึงตึกปุ๊บก็ไปรายงานตัวค่ะ ซึ่งมีนักศึกษามารายงานตัวเยอะมากมากันเป็นกรุ๊ปๆ มีทั้งโดนแซงคิว โดนชน ทำให้มีเสียความรู้สึกบ้างค่ะ แต่ในที่สุดก็มี คนมาสนใจหนูสักที (ซึ่งตอนหลังเพิ่งจะเข้าใจว่า เค้าแบ่งครูกัน ชาติอะไร ต้องไปหาคุณครูคนไหน อะไรแบบนี้) คุณครูที่รับเรื่องเราก็น่ารักค่ะ อธิบายทุกอย่าง แต่ด้วยความที่เขาพูดเร็วเราก็เริ่มฟัง ไม่ทันเริ่มงงค่ะ พอเขารับรู้ได้ถึงความสับสนบนใบหน้าเรา เขาก็เริ่มเปลี่ยนมาเป็นอธิบายโดยใช้ภาษาอังกฤษค่ะ ซี่งเอาจริงแล้วงงกว่าเก่าอีกค่ะ จนต้องทำเป็นว่าเข้าใจแล้วค่ะ แล้วก็รีบกลับหอมา นั่งเปิดดิกเอาทุกตัวเลยค่ะ ซึ่งวันรุ่งขึ้นก็มีการสอบวัดระดับภาษาจีนก่อนเริ่มเรียนด้วยค่ะ (ซึ่งนักศึกษาที่มีคะแนนดี และมีผลสอบ HSK5 ขึ้นไป จะได้เรียนห้อง 8 ค่ะ ห้องนี้ถ้าสอบผ่านสามารถข้าม ชั้นไปเรียนปี 2 ได้เลยค่ะ ประหยัดเวลาไปปีนึง)    หอพักที่เราอยู่ ชื่อว่า 上外迎宾馆 เป็นหอที่เรียกได้ว่า ดีที่สุดของมหาวิทยาลัย และดีที่สุดในบรรดาหอพักทั้งหมดของมหาวิทยาลัยในเซี่ยงไฮ้ (ณ ตอนนั้นปี 2011) ด้วยความที่หอพักเพิ่งจะ รีโนเวท แต่คืนแรกก็เจอเรื่องตื่นเต้นแล้วปรากฏว่าไฟดับแล้วก็มีเสียง ระเบิดดังปั้งทุกอย่างก็อยู่ในความมืดมิดต้องเดินลงมาแจ้งที่ชั้น 1 ก็พูดภาษาจีนผสมภาษาไทยมั่วไปหมดเลยค่ะ จนมีช่างมา ซ่อม (เทอมแรกที่อยู่ในหอพัก อุปกรณ์ทุกอย่างเสียบ่อยมาก เหมือนจะยังไม่ลงตัว ได้เจอกับพวกช่างซ่อมต่างๆ ทุกวัน ได้ฝึกภาษาจีนกับพวกช่างซ่อมนี่แหละค่ะ)   ซิม เป็นปัญหาที่ถือว่าใหญ่มากๆ หาซื้อไม่ได้เดินถามใครเค้า ก็ไม่มีใครเข้าใจ เดินหนีทุกคน จนได้เจอกับเด็กมัธยมคนนึง คือ ช่วยเราแบบเต็มที่ ภาษาก็คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่เค้าก็ช่วยเต็มที่เลย ค่ะ แต่ก็ยังหาซื้อไม่ได้ จนสุดท้ายก็เดินวนไปวนมาจนหาซื้อได้ แต่โทรกลับไทยไม่ได้อีก โชคดีที่มีเพื่อนอยู่ที่ชิงเต่า เคยให้เบอร์ไว้ก่อนที่จะบินมาจีน โทรหาเลยค่ะ เพื่อนรับปุ๊บ ร้องไห้อย่างเดียว ไปประมาณ 5 นาที ร้องจนเพื่อนบอกว่าหยุดร้องเหอะ เราจะร้องตามแล้วนะ ก็ฝืนจนหยุดร้องได้ เพื่อนเลยโทรกลับไทยให้ ให้คุณแม่หาวิธีโทรมาหาเรา พอเห็นเบอร์คุณแม่ปุ๊บ น้ำตาก็ไหลอีกแล้ว ค่ะ ร้องไห้จะกลับบ้านอย่างเดียว แล้วคุณแม่ก็จะโทรมาหาเราทุกวัน เราก็ร้องไห้ทุกวัน ร้องจนคุณแม่บอกให้บินกลับมาก่อน แล้วค่อยบินกลับมาใหม่พร้อมเพื่อน (อีก 4 วันข้างหน้า) ซึ่งส่วนตัวแล้ว ถ้ากลับไทยมาก็ร้องไห้ใหม่อีก เปลืองตังค่าตั๋วอีกเลยทำใจแข็งไม่กลับ แต่ก็ร้องไห้ทุกวัน วันละ 7 รอบ จนเพื่อนมานั่นแหละค่ะ เลยหยุดร้อง แต่ก็ร้องไห้ทุกรอบที่ต้องบินกลับไปนะ ฮ่าๆๆๆ     มหาวิทยาลัยที่เราเรียนจะแบ่งออกเป็น 2 แคมปัส คือ วิทยาเขตซงเจียง (ป.ตรี นักศึกษาจีน) และ วิทยาเขตหงโข่ว (ป.ตรี นักศึกษาต่างชาติ ป.โท ป.เอกและนักศึกษาที่มาเรียนภาษา) พอเปิด เทอมวันแรกได้เจอเพื่อนๆ อารมณ์เหงาๆ คิดถึงบ้านก็หมดไปค่ะ ในห้องมีญี่ปุ่น 7 คน เกาหลี 4 คน คาซัคสถาน 3 คน ไทย 2 คน อเมริกา 1 คน ชิลี 1 คน รัสเซีย 1 คน เวลาเรียนมีไม่เข้าใจบ้าง มี งงบ้าง แต่เหล่าซือใจดีทุกคนค่ะ ที่นี่ทุกห้องจะต้องมีครูประจำชั้นค่ะ เวลามีปัญหาก็ได้ครูประจำชั้นเนี่ยหล่ะค่ะ ที่คอยจัดการแก้ไขปัญหาให้     มหาวิทยาลัยมีกิจกรรมสำหรับเด็กต่างชาติไม่ค่อยเยอะ (แต่ปัจจุบันเยอะมากค่ะ) หลักๆก็คือ การแข่งขันพูดสุนทรพจน์ การแข่งขันร้องเพลงจีน การแข่งขันเขียนเรียงความภาษาจีน กิจกรรมวัน คริสต์มาส เป็นต้น ซึ่งถ้าเราชนะมีเงินรางวัลมอบให้ด้วยค่ะ      เรื่องการใช้ชีวิตในเซี่ยงไฮ้ จริงๆการใช้ชีวิตในเซี่ยงไฮ้ นับว่า สบายที่สุดในเมืองจีนแล้วหล่ะค่ะ การเดินทางสะดวกสบาย อาหารการกินครบ และเป็นเมืองที่คนไทยเยอะมากๆ เดินไปทางไหนก็เจอ คนไทย จนนึกว่ายังอยู่ประเทศไทย และที่เซี่ยงไฮ้ ก็มีสมาคมนักเรียนไทยด้วยค่ะ ซึ่งเราเป็นหัวหน้าฝ่ายทะเบียนของสมาคมนักเรียนไทยรุ่นที่ 5 ซึ่งจะมีการเปลี่ยนทุกๆ ปี ทางสมาคมฯ จะจัดกิจกร รมหลักๆ ได้แก่ กิจกรรมวันสงกรานต์ กิจกรรมปฐมนิเทศ กิจกรรมวันลอยกระทง ซึ่งกิจกรรมเทศกาลของไทยนั้น ชาวต่างชาติสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ เป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยไปในตัว       ปัจจุบันเราเรียนจบกลับมาทำงานที่เมืองไทยแล้วค่ะ ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ดีๆ ตลอดทั้ง 4 ปีที่ผ่านมา ขอบคุณทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต มีทั้งดีและไม่ดี (แต่ส่วนมากจะดี) การไปใช้ชีวิต อยู่ต่างประเทศ 4 ปีนั้น ทำให้เราโตขึ้น ความคิดเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ช่วยเหลือตัวเอง ตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง ถ้าใครมาถามว่าไปเรียนต่อจีนดีมั้ย จะรอดมั้ย เราจะตอบกลับทันทีค่ะ เราอายุ 18 ยังผ่านมาได้  ไปเถอะค่ะ ประสบการณ์ดีๆรอคุณอยู่    และทั้งหมดนี้ก็คือ ประสบการณ์ของน้องอิง ที่อยากถ่ายทอดให้เพื่อนๆ น้องๆ ที่กำลังจะเดินจะเดินทางไปศึกษาต่อประเทศจีน หวังว่าจะได้ประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ  เรียบเรียงโดย สถาบัน Friendship International Education    

      อ่านต่อ..More..继续阅读..
    • หลักสูตรอบรมภาษาจีนระยะสั้น ณ มหานครกวางโจว

      หลักสูตรอบรมภาษาจีนระยะสั้น ณ มหานครกวางโจว หลักสูตรอบรมภาษาจีนระยะสั้น ณ มหานครกวางโจว หลักสูตรอบรมภาษาจีนระยะสั้น ณ มหานครกวางโจว

      เริ่มสมัครแล้ววันนี้ (((( ฟรีค่าดำเนินการ ))))   โครงการอบรมภาษาจีนระยะสั้น ณ Guangdong University of Foreign Studies มหานครกวางโจว   -  หลักสูตรภาษาจีนระยะสั้น 8 สัปดาห์   -  สำหรับน้องๆ หรือผู้สนใจสามารถสมัครได้แล้วตั้งแต่วันนี้   -  เริ่มเรียน 05/05/2016 – 24/06/2016 (8 สัปดาห์)   -  ระยะเวลาที่ต้องการเรียน อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้   -  เปิดรับสมัครผู้เรียนทั้งระดับต้น (ผู้ที่ไม่มีพื้นฐานภาษาจีน), ระดับกลาง และระดับสูง   -  อัตราค่าเล่าเรียนรวม 56,400* บาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน)   -  อัตราค่าเล่าเรียนรวม ประกอบด้วย      1. ค่าเรียน 4,700 หยวน      2. ค่าสมัครเรียน 500 หยวน      3. ค่าหอพักห้องคู่  1,000 หยวน/เดือน      4. ค่าตั๋วเครื่องบิน TG (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง ชั้นประหยัด ประมาณ 15,000 บาท)      5. ค่าทำวิซ่า 1,800 บาทราคาค่าสมัคร   *ราคาค่าสมัคร ค่าเรียนและค่าที่พักคำนวณในอัตรา 1 หยวน = 5.5 บาท   ติดต่อสมัครเรียนได้ที่ 02-258-7771-2 / 095-250-9820 เริ่มสมัครแล้ววันนี้ (((( ฟรีค่าดำเนินการ ))))   โครงการอบรมภาษาจีนระยะสั้น ณ Guangdong University of Foreign Studies มหานครกวางโจว   -  หลักสูตรภาษาจีนระยะสั้น 8 สัปดาห์   -  สำหรับน้องๆ หรือผู้สนใจสามารถสมัครได้แล้วตั้งแต่วันนี้   -  เริ่มเรียน 05/05/2016 – 24/06/2016 (8 สัปดาห์)   -  ระยะเวลาที่ต้องการเรียน อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้   -  เปิดรับสมัครผู้เรียนทั้งระดับต้น (ผู้ที่ไม่มีพื้นฐานภาษาจีน), ระดับกลาง และระดับสูง   -  อัตราค่าเล่าเรียนรวม 56,400* บาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน)   -  อัตราค่าเล่าเรียนรวม ประกอบด้วย      1. ค่าเรียน 4,700 หยวน      2. ค่าสมัครเรียน 500 หยวน      3. ค่าหอพักห้องคู่  1,000 หยวน/เดือน      4. ค่าตั๋วเครื่องบิน TG (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง ชั้นประหยัด ประมาณ 15,000 บาท)      5. ค่าทำวิซ่า 1,800 บาทราคาค่าสมัคร   *ราคาค่าสมัคร ค่าเรียนและค่าที่พักคำนวณในอัตรา 1 หยวน = 5.5 บาท   ติดต่อสมัครเรียนได้ที่ 02-258-7771-2 / 095-250-9820 เริ่มสมัครแล้ววันนี้ (((( ฟรีค่าดำเนินการ ))))   โครงการอบรมภาษาจีนระยะสั้น ณ Guangdong University of Foreign Studies มหานครกวางโจว   -  หลักสูตรภาษาจีนระยะสั้น 8 สัปดาห์   -  สำหรับน้องๆ หรือผู้สนใจสามารถสมัครได้แล้วตั้งแต่วันนี้   -  เริ่มเรียน 05/05/2016 – 24/06/2016 (8 สัปดาห์)   -  ระยะเวลาที่ต้องการเรียน อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้   -  เปิดรับสมัครผู้เรียนทั้งระดับต้น (ผู้ที่ไม่มีพื้นฐานภาษาจีน), ระดับกลาง และระดับสูง   -  อัตราค่าเล่าเรียนรวม 56,400* บาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน)   -  อัตราค่าเล่าเรียนรวม ประกอบด้วย      1. ค่าเรียน 4,700 หยวน      2. ค่าสมัครเรียน 500 หยวน      3. ค่าหอพักห้องคู่  1,000 หยวน/เดือน      4. ค่าตั๋วเครื่องบิน TG (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง ชั้นประหยัด ประมาณ 15,000 บาท)      5. ค่าทำวิซ่า 1,800 บาทราคาค่าสมัคร   *ราคาค่าสมัคร ค่าเรียนและค่าที่พักคำนวณในอัตรา 1 หยวน = 5.5 บาท   ติดต่อสมัครเรียนได้ที่ 02-258-7771-2 / 095-250-9820

      อ่านต่อ..More..继续阅读..
Knowledge Knowledge 知识
รูปภาพ Gallery 画廊
  • x
  • x
  • x
  • x